ประวัติพันธุ์สุนัขบางแก้ว
ประวัติความเป็นมาของสุนัขบางแก้วนั้นไม่มีบุคคลใดที่ให้คำตอบที่แน่นอนได้ว่าเกิดจากสุนัขพันธุ์ใดกันแน่ เท่าที่ทราบจากคำบอกเล่ากันต่อๆ มาว่าเป็นสุนัข 3 สายพันธุ์ คือ พันธุ์ไทย พันธุ์จิ้งจอก และพันธุ์หมาป่า โดยที่มีขนยาวปานกลาง ปากแหลม หางเป็นพวง ซึ่งเป็นลักษณะของสุนัขจิ้งจอก กะโหลกเป็นรูปสามเหลี่ยม ใบหูตั้งสั้นปลายแหลม โคนหูห่างกันมาก เป็นลักษณะของหมาป่า ส่วนลักษณะของสีหรือรูปร่างก็คล้ายสุนัขพันธุ์พื้นบ้านของเรานั่นเอง
ความเป็นมาของหลวงปู่มาก เมธารี เจ้าอาวาสวัดบางแก้ว กับสุนัขบางแก้วคงเป็นเพราะว่าความมีจิตใจเมตตารักสัตว์ ท่านเลี้ยงสัตว์ไว้จำนวนหนึ่ง เมื่อมีคนนำสัตว์มาให้ท่านก็รับเลี้ยงไว้จนกระทั่งท่านได้รับสุนัขสีดำ ตัวใหญ่ และมีขนยาว เมื่อถึงฤดูผสมพันธุ์ก็ได้ไปผสมพันธุ์กับสุนัขจิ้งจอกหรือสุนัขป่า จึงมีลูกออกมาเป็นสีดำปนกับสีน้ำตาลแดง ตัวใหญ่ และขนยาว หลังจากนั้นก้มีชาวบ้านย้ายถิ่นฐานมาจากหลายจังหวัดมาอยู่ในละแวกบ้านบางแก้วและมีสุนัขกันแทบทุกครัวเรือนจึงทำให้สุนัข
มีโอกาสผสมพันธุ์กับสุนัขของหลวงปู่มากจึงทำให้เกิดสุนัขบางแก้วและเนื่องจากสภาพแวดล้อมที่มีน้ำล้อมรอบเมื่อเวลาน้ำไหล
หลากประกอบกับอาศัยอยู่บนเรือนแพจึงทำให้สุนัขมีความจำกัดในการผสมพันธุ์เมื่อถึงฤดูผสมพันธุ์ก็ผสมกันเองอยู่ในเหล่า
เดียวกัน จึงทำให้เกิดสุนัขบางแก้วที่มีลักษณะเด่นเฉพาะตัวขึ้น
มาตรฐานพันธุ์
มาตรฐานพันธุ์สุนัขไทยบางแก้ว ที่กำหนดขึ้นโดยชมรมผู้อนุรักษ์และพัฒนาสุนัขไทยบางแก้ว พิษณุโลก แห่งประเทศไทย มีดังนี้ คือ
ลักษณะทั่วไป สุนัขบางแก้วมีลักษณะเด่นเฉพาะตัวคือ มีขนปุยยาว มีความสง่างาม ว่องไวและแข็งแรง เวลายืนมักเชิดหน้าและโก่งคล้ายม้า เป็นสุนัขขนาดกลาง รูปทรงตั้งแต่ช่วงขาหน้าถึงขาหลังเป็นสี่เหลี่ยมจัตุรัส อกกว้างและลึกได้ระดับกับข้อศอก ไหล่กว้าง ท้องไม่คอดกิ่ว หน้าแหลม หูเล็ก หางพวง ขนมีสองชั้น นิสัยรักเจ้าของ ฉลาดปราดเปรียว กล้าหาญ ค่อนข้างดุ สามารถฝึกหัดได้ ชอบเล่นน้ำมาก
ขนาด ขนาดเท่ากับสุนัขไทย หรือเล็กกว่าเล็กน้อย ไม่อ้วน ความสูงวัดที่ไหล่ ตัวผู้สูง 42-53 เซนติเมตร ตัวเมียสูง 38-48 เซนติเมตร น้ำหนักตัวผู้ 14-16 กิโลกรัม ตัวเมีย 13-15 กิโลกรัม
ลำตัว ช่วงหัวตอนหน้าใหญ่ ช่วงตัวตอนท้ายค่อนข้างเล็ก ลำตัวหนาปานกลาง อกลึกปานกลาง ยืดอกเวลายืน ส่วนเอวจะคอดกว่าสุนัขไทย ท้ายลาด สง่าเหมือนสุนัขจิ้งจอก
ขา สังเกตุที่ขาว่าขาหน้าจะใหญ่กว่าขาหลังเล็กน้อย ขาส่วนบนใหญ่และเรียวลงมาถึงข้อเท้า ตั้งตรงแข้งแรง ถ้าดูด้านข้างจะเห็นขนยาวเป็นเส้นตรงจากข้อเท้าด้านหลังขึ้นไปถึงข้อศอกเหมือนขาสิงห์ ขาหลังช่วงล่างมีทั้งตั้งตรงและเกือบตรง ช่วงบนด้านหลังจะมีขนยาว เป็นเส้นตรงขึ้นไปจนถึงโคนหาง เวลายืนท่าปกติจะรับน้ำหนักทรงตัวดี นี้วเรียงชิดกัน ขนที่ปลายนิ้วยาวหุ้มเล็บ
หัว กะโหลกใหญ่ ปากยาวแหลม คอยาวกว่าสุนัขไทยทั่วไป กะโหลกศีรษะและปากรับกันเป็นรูปสามเหลี่ยม หูเล็กสั้นตั้งป้องไปข้างหน้า ปลายหูเบนไปข้างๆ เล็กน้อย โคนหูทั้งสองอยู่ห่างกันมากกว่าสุนัขพันธุ์อื่นๆ ภายในหูมีขนปิดรูหูอย่างสุนัขจิ้งจอก ตาเล็กกลมรี พื้นสีตาเป็นสีเหลืองทองคล้ำ ม่านตาตรงกลางสีดำมีแววของความไม่เชื่อใคร ง่ายๆ ขณะโกรธหรือขู่จะขึ้นแววฟ้า ใสแววที่เรียกว่า ตาเขียว จมูกสีดำ ฟันซี่เล็กขาวคม มีเขี้ยวข้างบน 2 ล่าง 2 ลิ้นเป็นสีชมพู ส่วนมากไม่มีปานดำเหมือนสุนัขไทยทั่วไป
ขน ขนสองชั้น หนา ชั้นล่างละเอียดอ่อนนิ่ม ขนชั้นบนยาวเป็นเส้น เมื่อยังเล็กจะมีขนยาวปุกปุยแน่นทั่วตัว แต่เมื่อโตขึ้นจะมีขนยาวปานกลางแน่นทั้งตัว ขนที่กลางหลังตั้งแต่แผงคอไปยังโคนหางจะยาวกว่าขนบริเวณอื่นๆ มีแผงขนเป็นชั้นช่วงสันหลัง เวลาโกรธจะฟูยกให้เห็นชัดเจน ด้านล่างจากข้อเท้าตอนล่างถึงโคนขาตอนบนจะมีขนยาวพอประมาณ
หาง หางต้องเป็นพวง ถือเป็นลักษณะเด่นที่สืบทอดมาจากสุนัขจิ้งจอก ลักษณะพวงหางแบ่งออกเป็น 3 พวกใหญ่ๆ คือ
1.หางตั้งโค้งไปข้างหน้า บางตัวหางจะเหยียดตรงวางทาบไปบนหลัง
2.หางพุ่งไปด้านหลังแล้วโค้งตั้งขึ้นเหมือนหางดาบ ถ้าหางยาวจะโค้งมาจรดหลัง ถ้ายาวมากจะเบี่ยงลงข้าง ถ้าหางพวงใหญ่มีน้ำ หนักมากหางจะไพล่ห้อยลงข้างตัว
3.หางเป็นพวงลาดแบบแทงดิน ยาวห้อยลงอย่างหางม้า เวลาดีใจเมื่อเดินหรือวิ่งจะแกว่งหางไปมา เวลายืนหากมั่นใจว่าปลอดภัยจะยกหางสูงขึ้นเลยระดับตัวเล็กน้อย
สี สุนัขบางแก้วมีสีหลัก คือ สีดำพื้น สีน้ำตาลพื้น สีน้ำตาลปรายอมดำ(เขียว) สีด่างน้ำตาลขาวนอกจากสีด่างดำขาว หรือสีน้ำตาลขาว ยังแทรกจุดหย่อมเล็กกระจายมากน้อยทั่วตัวอีกด้วย
เสียงเห่า เสียงเห่าแหลมเล็กกว่าสุนัขไทย
การเดินวิ่ง เวลาเดินวิ่งเหยาะย่าง สง่างามเหมือนม้าย่างเท้าสวนสนามปกติจะวิ่งซอยเท้าถี่
ข้อบกพร่อง ใบหูพลิ้ว ไม่มีขนแผงรอบคอ ขาหน้าเล็ก ไม่มีแข้งสิงห์ ไม่มีขนคลุมนิ้วเท้า หูใหญ่ หางขอด ขนหลุดร่วง ฟันบนยื่นกว่าฟันล่าง ปากใหญ่ ตาใหญ่ หูไม่ตั้ง หางไม่เป็นพวง ขนสั้น อัณฑะเม็ดเดียว ฟันขาด 3 ซี่ ขึ้นไปโดยไม่ใช่เพราะอุบัติเหตุ หางขาด ปากทู่ ตากลม สันหลังแอ่น
บล็อคนี้จัดทำขึ้นเพื่อใช้ในการเรียนรายวิชา อินเตอร์เน็ตและการสื่อสารในชีวิตประจำวัน มหาวิทยาลัยมหาสารคาม
วันพฤหัสบดีที่ 23 มิถุนายน พ.ศ. 2554
ชิสุ
สุนัขขนาดเล็ก ส่วนสูง น้ำหนัก วงจรชีวิต การจัดกลุ่มพันธุ์ 8-11 นิ้ว 9-16 ปอนด์ 12-14 ปี สุนัขที่เลี้ยงไว้เป็นเพื่อน
ลักษณะเด่น
รูปร่างหน้าตาของสุนัขลูกครึ่งจะมีจมูกยาวจนถึงจมูกเชิดและบาน มีโครงสร้างเล็ก บางตัวก็มีขายาวกว่าตัวอื่น สีขน ความสูง และโครงสร้างจะแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับพันธุ์ที่ผสม
นิสัย
สุนัขพันธุ์ผสมเช่น ชิสุผสมกับปักกิ่งผสม เป็นสุนัขที่ติดคนและต้องการความรักและเอาใจใส่มาก ชอบเที่ยวและอยากให้พาออกไปข้างนอก สุนัขเหล่านี้มักจะขี้ตกใจ แต่ฝึกง่าย ไม่เหมาะกับครอบครัวที่มีเด็กอายุต่ำกว่า 5 ปี และมันอาจจะกัดเด็กได้
การตัดแต่งขนและการออกกำลังกาย
ควรแปรงขนให้พันธุ์ที่มีขนยาวบ่อยๆ อาจจะมากกว่าหนึ่งครั้งต่อวันก็ได้ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับสายพันธุ์ พันธุ์ขนสั้นควรแปรงขนให้สัปดาห์ละครั้ง ตัวที่มีขายาวเป็นพันธุ์ผสมที่ได้มาจากดัลเมเชี่ยน และควรต้องได้รับการออกกำลังกายมากกว่าตัวที่มีขาสั้น
ยอร์คเชียเทอร์เรีย
ลักษณะทั่วไป |
ความเป็นมา |
ลักษณะนิสัย |
การตัดแต่งขนและการออกกำลังกาย
เจ้ายอร์คเชียร์ควรได้รับการดูแลแปรงขนทุกวัน และเนื่องจากมันมีกิจกรรมคือวิ่งเล่นทั่วบ้านอยู่แล้ว จึงไมต้องพาไปวิ่งหรือเดินเล่นไกลๆ อีก
ชิวาวา
สุนัขขนาดเล็ก เป็นสุนัขเฝ้ายามที่ดี ส่วนสูง น้ำหนัก วงจรชีวิต การจัดกลุ่มพันธุ์ 6-9 นิ้ว 2-6 ปอนด์ 12-15 ปี สุนัขที่เลี้ยงไว้เป็นเพื่อน
ลักษณะเด่น
ลักษณะขนแบ่งได้เป็น 2 พันธุ์คือ พันธุ์ขนเรียบซึ่งมีขนสั้นเป็นมันเงา และพันธุ์ขนยาวซึ่งมีขนนุ่มยาวกว่าและเป็นลอนเล็กน้อย บริเวณหูและหางจะมีขนปุกปุยขึ้น สีของขนมีสีต่างกันไป เช่น สีแดง สีดำ สีเทาแกมเหลือง และสีน้ำตาลกับสีดำ ลักษณะเด่นของสุนัขพันธุ์นี้คือหัวมีรูปทรงเหมือนลูกแอปเปิ้ล ใบหูใหญ่และตั้ง
นิสัย
ชิวาวาเป็นสุนัขที่เล็กที่สุดในบรรดาสุนัขทั้งหมด และด้วยขนาดที่เล็ก และการเลี้ยงดูที่ยุ่งยาก มันจึงไม่เหมาะกับครอบครัวที่มีเด็กเล็กๆ สุนัขพันธุ์นี้เหมาะที่จะเลี้ยงไว้เป็นเพื่อนคนสูงอายุ หรือผู้ที่อาศัยตามคอนโด หากมันได้รับการฝึกและดูแลอย่างถูกต้องแล้ว สุนัขพันธุ์นี้จะเป็นสุนัขที่ขี้เล่นและร่าเริงทีเดียว
การตัดแต่งขนและการออกกำลังกาย
ชิวาวาต้องการการดูแลแปรงขนเป็นครั้งคราว พวกมันชอบเดินเล่นระยะทางสั้นๆ
ถิ่นกำเนิด
ชิวาวามีต้นกำเนิดจากพันธุ์เตชิชิ ซึ่งเป็นสุนัขพันธุ์เล็กของชนเผ่าอินเดียนแดงตอลเตคแถบอเมริกากลาง ในศตวรรษที่ 9 หรืออาจจะถูกนำเข้ามาในอเมริกากลางโดยชาวจีนหรือสเปน
ปัญหาสุขภาพของสายพันธุ์
โรคกระดูกสะบ้าเคลื่อน ปัญหาเกี่ยวกับหัวใจ
อเมริกัน ค็อกเกอร์ (American Cocker Spaniel)
ลักษณะทั่วไป
เป็นสุนัขที่มีขนาดเล็กที่สุดในกลุ่ม SPORTING AMERICAN COCKER มีต้นตระกูลมาจากENGLISH COCKER แต่ถูกนำไปเลี้ยงในอเมริกาตั้งแต่ปี ค.ศ. 1880 และถูกพัฒนาให้มีลักษณะแตกต่างไปจากบรรพบุรุษ เป็นสุนัขที่วิ่งเร็วปราดเปรีย นิยม ใช้ในกีฬาล่าสัตว์อุปนิสัย อเมริกัน ค็อกเกอร์ สเปเนียล มีนิสัยของสุนัขใช้ในกีฬาล่าสัตว์เป็นเอกลักษณ์กับประสาทสัมผัส ที่พัฒนาอย่างเฉียบแหลมเพื่อการเก็บคาบ และยังคงถูกใช้อย่างกว้างขวางในสหรัฐอเมริกาเพื่อเป็นสุนัขใช้ในกีฬาล่าสัตว์ ในออสเตรเลียวัตถุประสงค์หลักคือเลี้ยงไว้เป็นธรรมชาติของสายพันธุ์ จะเข้าได้ง่ายกับคนแปลกหน้าจึงไม่ควรใช้เป็นสุนัขคุ้มกันหรือสุนัขเฝ้ายาม โดยทั่วไปอารมณ์จะคงที่ และเป็นสายพันธุ์ที่ปรับตัวได้ดี ขนาดเล็กพอที่จะอุ้มไว้บนตักแต่ใหญ่พอสำหรับพาเดินเล่นไกลๆ และเล่นกับเขาเป็เวลานานๆ
ความเป็นมา |
ลักษณะนิสัย |
อเมริกัน ค็อกเกอร์ สเปเนียล มีนิสัยของสุนัขใช้ในกีฬาล่าสัตว์เป็นเอกลักษณ์กับประสาทสัมผัสที่
พัฒนาอย่างเฉียบแหลมเพื่อการเก็บคาบและยังคงถูกใช้อย่างกว้างขวางในสหรัฐอเมริกาเพื่อเป็นสุนัข
ใช้ในกีฬาล่าสัตว์ ในออสเตรเลียวัตถุประสงค์หลักคือเลี้ยงไว้เป็นธรรมชาติของสายพันธุ์ จะเข้าได้
ง่ายกับคนแปลกหน้าจึงไม่ควรใช้เป็นสุนัขคุ้มกันหรือสุนัขเฝ้ายาม โดยทั่วไปอารมณ์จะคงที่ และเป็น
สายพันธุ์ที่ปรับตัวได้ดี ขนาดเล็กพอที่จะอุ้มไว้บนตักแต่ใหญ่พอสำหรับพาเดินเล่นไกลๆ และเล่นกับเขาเป็นเวลานานๆ
การดูแล
อเมริกัน ค็อกเกอร์ สเปเนียล ต้องการเวลาและความใส่ใจอย่างมากในการดูแลสุขภาพขนให้สวยสมบูรณ์อยู่เสมอโดยการแปรงขนบ่อยๆ และอาบน้ำ หรือพาไปร้านตัดแต่งขนเป็นประจำโดยต้องดูแลตั้งแต่ยังเป็นลูกสุนัขและตลอดชั่วชีวิตของสุนัขขณะที่อเมริกันค็อกเกอร์ดูสง่างาม เมื่อสภาพขนสมบูรณ์เต็มที่ เจ้าของหลายคนจะเก็บ และคอยตัดเล็มปลายขนโดยปล่อยขนที่ขาและท้องให้ยาวเพียง 5 ซม. เท่านั้น เพื่อลดโอกาสที่ขนจะพันกันเป็นปมและง่ายต่อ การอาบน้ำ การทำให้ขนแห้ง และการตัดแต่งขน ช่วงฤดูหนาวควรดูแลเขาให้อยู่ในที่แห้งเท่าที่จะเป็นไปได้ ในกรณีพื้นเปียกแฉะหรือเป็นโคลนเท่านั้น ที่ควรหาเบาะรองนอนเพื่อช่วยป้องกันขนเสีย
ผู้เลี้ยงที่เหมาะสม |
ผู้ที่เตรียมตัวเตรียมใจแล้วเรื่องที่ต้องคอยดูแลและตัดแต่งขนของเขาเป็นประจำ และจะไม่ผิดหวังเลยหากต้องการเพื่อนไว้เดินเล่นสักตัว
ข้อควรจำ |
มาตรฐานสายพันธุ์ |
| ||||||||||||||
| ||||||||||||||
| ||||||||||||||
| ||||||||||||||
| ||||||||||||||
| ||||||||||||||
| ||||||||||||||
| ||||||||||||||
| ||||||||||||||
| ||||||||||||||
| ||||||||||||||
| ||||||||||||||
|
อ่านต่อ : http://www.dogilike.com/breeds/3/%E0%B8%84%E0%B9%87%E0%B8%AD%E0%B8%81%E0%B9%80%E0%B8%81%E0%B8%AD%E0%B8%A3%E0%B9%8C%E0%B8%AA%E0%B9%80%E0%B8%9B%E0%B9%80%E0%B8%99%E0%B8%B5%E0%B8%A2%E0%B8%A5.php#ixzz1Q62gujh4
พูเดิ้ล Poodle
สุนัขพันธุ์พูเดิ้ล Poodle ไม่ปรากฏหลักฐานแน่ชัดว่ามีกำเนิดในประเทศใด บางข้อมูลกล่าวว่ามีกำเนิดในประเทศเยอรมัน โดยรู้จักกันในนาม Pudle แต่บางท่านกล่าวว่า Poodle เป็นสุนัขประจำชาติของฝรั่งเศส โดยชาวฝรั่งเศสมักนิยมใช้สุนัขพันธุ์นี้ ในการคาบสิ่งของหรือฝึกแสดงในละครสัตว์และชอบที่จะตัดแต่งทรงขน ซึ่งมีลักษณะหยิกแน่นเป็นขดเป็นทรงต่างๆตามแฟชั่นเป็นที่โปรดปราน แก่บรรดาคุณหญิงคุณนายชาวฝรั่งเศสกันมาช้านาน
สุนัขพูเดิ้ล นี้สืบเชื้อสายมาจากพันธุ์ Water Retriever จึงมีความสามารถพิเศษในการว่ายน้ำ Poodle มี 3 ขนาด โดยมีชื่อเรียกที่แตกต่างกันออกไปคือ Toy poodle, Miniature Poodle, Standard Poodle โดยขนาด Standard Poodle ถือกำเนิดก่อน Poodle ขนาดอื่นๆ ซึ่งนิยมเลี้ยงกันอย่างแพร่หลาย ต่อมาจึงมีคัดเลือกสหพันธุ์ที่เล็กลง ผสมผสานจนเกิดเป็น Miniature และ Toy Poodle ขึ้น ทั้งสามขนาดนี้กำหนดขึ้นให้เป็นมาตรฐานประกวดไปทั่วโลกในปัจจุบัน
มาตราฐานสายพันธุ์พูเดิ้ล
อุปนิสัย : ฉลาด ร่าเริง ช่างประจบประแจง ขี้อิจฉา สอนง่าย รักสะอาด จึงเป็นที่นิยมเลี้ยงกันมาช้านานทั่วทุกมุมโลก
หู : ห้อยแนบชิดส่วนหัว โคนหูจะอยู่ในระดับต่ำกว่าตาเล็กน้อย หูมีขนยาว ใบหูค่อนข้างกว้างและหนา
ศีรษะ : หัวกะโหลกมีลักษณะค่อนข้างกลม แก้มค่อนข้างแบนหากมองจาด้านบน ลักษณะจากส่วนหัวถึงปลายจมูกจะมีลักษณะคล้ายรูปหยดน้ำ
ตา : มีลักษณะเป็นรูปกลมค่อนข้างรี คล้ายผลอัลมอนด์ ตาสีเข้ม ขอบตาเข้ม ตามีแววร่าเริง ตื่นตัวเสมอ
ดั้งจมูก : มีมุมหักพอสมควรหรือลาดลง
ปาก : ความยาวของปากมีขนาดใกล้เคียงกับความยาวของหัวกะโหลก สันปากตรงแข็งแรง ริมฝีปากตึงไม่ห้อยหย่อนยานหรือปากล่างหนาจนเกินไป
ฟัน : ขาวแข็งแรง ขบแบบกรรไกร ลำตัว : มองจากด้านข้าง มีลักษณะคล้ายรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัส ความสูงของลำตัวมีขนาดใกล้เคียงกับความยาวของลำตัว เส้นหลังตรงแข็งแรง
คอ : มีขนาดค่อนข้างยาว ทำให้ Poodle ดูสง่างาม ขณะเชิดหัวขึ้นหนังคอตึง คอประกอบด้วยกล้ามเนื้อ
อก : ลึก กว้างพบประมาณ
เอว : สั้น ประกอบด้วยกล้ามเนื้อ
ขาหน้า : มองจากด้านหน้า ขาหน้าตั้งตรง ขาหน้าทั้ง 2 ข้างขนานกัน ห่างกันพอเหมาะมองจากด้านข้างอยู่ในแนวเดียวกับหัวไหล่ ขาหน้ามีกระดูกและกล้ามเนื้อสัมพันธ์กับขนาดของสุนัข ข้อเท้าหน้าแข็งแรง เท้ามีขนาดเล็ก รูปกลมรีไม่แบนเหมือนตีนเป็ด ฝ่าเท้าหนาเท้าชี้ตรงไปด้านหน้า ไม่บิดซ้ายบิดขวา นิ้วติ่งตัดออก เล็บควรตัดสั้น
ขาหลัง : มองจากด้านหลัง ขาหลังตรง ขนานกัน ขาหลังท่อนบนมีกล้ามเนื้อมาก ข้อเท้าสั้น ตั้งฉากกับพื้น ขาเท้าหลังทำมุมพอประมาณ และสัมพันธ์กับลำตัวส่วนหน้า เท้าหลังมีลักษณะเหมือนเท้าหน้าคือไม่บิดซ้ายบิดขวา
หาง : โคนหางอยู่ในระดับสูง หางตั้งตรงไม่ชี้เอนไปด้านหลังขณะเดิน หางนิยมตัดออก 1ใน 3 ส่วนของความยาวของหางทั้งหมด
ขน : Poodle มีขน 2 ชั้น ขนชั้นบนอ่อนนุ่ม ขนชั้นนอกยาว ขนชั้นนอกนี้มี 2 ชนิด คือ ชนิดหยิกและชนิดหยิกคลายเป็นเกลียวคลื่น Poodle นิยมตัดแต่งขนให้มีรูปทรงต่างๆ กันได้หลากหลายตามแฟชั่นในแต่ละสถานที่ แต่มีข้อบังคับแน่นอนในสนามประกวด ดังนี้ อายุน้อยกว่า 12 เดือน ตัดทรง Puppy Clip เมื่ออายุเกิน 12 เดือนไปแล้วต้องตัดทรง Englishหรือทรง Continental Clip
สี : มีขนสีเดียวตลอดทั้งตัว ขนอาจมีสีจางลงได้ Poodle ขาวอาจมีสีครีมอ่อนที่หูได้ แต่ไม่ใช่สีตัดกันจนเป็นสีน้ำตาล Poodle สีน้ำตาลช็อกโกแลต กาแฟ แอปปริคอท มักมีจมูก,ขอบตา, เล็บ, ริมฝีปาก สีน้ำตาลเข้มๆ หรือสีตับ ส่วน Poodle สีดำ เทาดำ เทาเงิน ครีมและขาวจะมีจมูก, เล็บ, ขอบตา, ริมฝีปากและไรจมูกเป็นสีดำ
ขนาด : Poodle มี 3 ขนาดและจัดอยู่ในกลุ่มต่างๆ ดังนี้ Standard Poodle มีขนาด ความสูงไม่ต่ำกว่า 15 นิ้ว Miniatrue Poodle มีความสูง 11-15 นิ้ว ทั้ง 2 ขนาดนี้ จัดอยู่ในกลุ่มของ Non-Sporting Toy Poodle มีขนาดความสูงไม่เกิน 11 นิ้ว จัดอยู่ในกลุ่ม Toy ส่วนขนาด Tea-Cup ซึ่งเล็กกว่า Toy Poodle เป็นเพียงขนาดไม่ได้จัดประกวด มีความสูงตั้งแต่8 นิ้วลงไป นับเป็น Pet-Quality ที่นิยมเลี้ยงกันเท่านั้นจะเข้าประกวดไม่ได้เลย ถือเป็นPoodle ที่ด้อยผิดมาตรฐานของสายพันธุ์ Poodle ทั่วๆ ไป
การเดิน : มีความสง่างาม ขณะเดินหรือวิ่ง ขาหน้าไม่แกว่งหรือยกเตะสูงเหมือนพันธุ์Miniatrue Pinscher จะเหวี่ยงขว้างไกลไปข้างหน้าเช่นเดียวกับขาหลัง หัวตั้งตรง ขณะเดินไม่โยกไปมา ขาแข็งแรง ก้าวอย่างมั่นใจ
มาตราฐานสายพันธุ์พูเดิ้ล
อุปนิสัย : ฉลาด ร่าเริง ช่างประจบประแจง ขี้อิจฉา สอนง่าย รักสะอาด จึงเป็นที่นิยมเลี้ยงกันมาช้านานทั่วทุกมุมโลก
หู : ห้อยแนบชิดส่วนหัว โคนหูจะอยู่ในระดับต่ำกว่าตาเล็กน้อย หูมีขนยาว ใบหูค่อนข้างกว้างและหนา
ศีรษะ : หัวกะโหลกมีลักษณะค่อนข้างกลม แก้มค่อนข้างแบนหากมองจาด้านบน ลักษณะจากส่วนหัวถึงปลายจมูกจะมีลักษณะคล้ายรูปหยดน้ำ
ตา : มีลักษณะเป็นรูปกลมค่อนข้างรี คล้ายผลอัลมอนด์ ตาสีเข้ม ขอบตาเข้ม ตามีแววร่าเริง ตื่นตัวเสมอ
ดั้งจมูก : มีมุมหักพอสมควรหรือลาดลง
ปาก : ความยาวของปากมีขนาดใกล้เคียงกับความยาวของหัวกะโหลก สันปากตรงแข็งแรง ริมฝีปากตึงไม่ห้อยหย่อนยานหรือปากล่างหนาจนเกินไป
ฟัน : ขาวแข็งแรง ขบแบบกรรไกร ลำตัว : มองจากด้านข้าง มีลักษณะคล้ายรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัส ความสูงของลำตัวมีขนาดใกล้เคียงกับความยาวของลำตัว เส้นหลังตรงแข็งแรง
คอ : มีขนาดค่อนข้างยาว ทำให้ Poodle ดูสง่างาม ขณะเชิดหัวขึ้นหนังคอตึง คอประกอบด้วยกล้ามเนื้อ
อก : ลึก กว้างพบประมาณ
เอว : สั้น ประกอบด้วยกล้ามเนื้อ
ขาหน้า : มองจากด้านหน้า ขาหน้าตั้งตรง ขาหน้าทั้ง 2 ข้างขนานกัน ห่างกันพอเหมาะมองจากด้านข้างอยู่ในแนวเดียวกับหัวไหล่ ขาหน้ามีกระดูกและกล้ามเนื้อสัมพันธ์กับขนาดของสุนัข ข้อเท้าหน้าแข็งแรง เท้ามีขนาดเล็ก รูปกลมรีไม่แบนเหมือนตีนเป็ด ฝ่าเท้าหนาเท้าชี้ตรงไปด้านหน้า ไม่บิดซ้ายบิดขวา นิ้วติ่งตัดออก เล็บควรตัดสั้น
ขาหลัง : มองจากด้านหลัง ขาหลังตรง ขนานกัน ขาหลังท่อนบนมีกล้ามเนื้อมาก ข้อเท้าสั้น ตั้งฉากกับพื้น ขาเท้าหลังทำมุมพอประมาณ และสัมพันธ์กับลำตัวส่วนหน้า เท้าหลังมีลักษณะเหมือนเท้าหน้าคือไม่บิดซ้ายบิดขวา
หาง : โคนหางอยู่ในระดับสูง หางตั้งตรงไม่ชี้เอนไปด้านหลังขณะเดิน หางนิยมตัดออก 1ใน 3 ส่วนของความยาวของหางทั้งหมด
ขน : Poodle มีขน 2 ชั้น ขนชั้นบนอ่อนนุ่ม ขนชั้นนอกยาว ขนชั้นนอกนี้มี 2 ชนิด คือ ชนิดหยิกและชนิดหยิกคลายเป็นเกลียวคลื่น Poodle นิยมตัดแต่งขนให้มีรูปทรงต่างๆ กันได้หลากหลายตามแฟชั่นในแต่ละสถานที่ แต่มีข้อบังคับแน่นอนในสนามประกวด ดังนี้ อายุน้อยกว่า 12 เดือน ตัดทรง Puppy Clip เมื่ออายุเกิน 12 เดือนไปแล้วต้องตัดทรง Englishหรือทรง Continental Clip
สี : มีขนสีเดียวตลอดทั้งตัว ขนอาจมีสีจางลงได้ Poodle ขาวอาจมีสีครีมอ่อนที่หูได้ แต่ไม่ใช่สีตัดกันจนเป็นสีน้ำตาล Poodle สีน้ำตาลช็อกโกแลต กาแฟ แอปปริคอท มักมีจมูก,ขอบตา, เล็บ, ริมฝีปาก สีน้ำตาลเข้มๆ หรือสีตับ ส่วน Poodle สีดำ เทาดำ เทาเงิน ครีมและขาวจะมีจมูก, เล็บ, ขอบตา, ริมฝีปากและไรจมูกเป็นสีดำ
ขนาด : Poodle มี 3 ขนาดและจัดอยู่ในกลุ่มต่างๆ ดังนี้ Standard Poodle มีขนาด ความสูงไม่ต่ำกว่า 15 นิ้ว Miniatrue Poodle มีความสูง 11-15 นิ้ว ทั้ง 2 ขนาดนี้ จัดอยู่ในกลุ่มของ Non-Sporting Toy Poodle มีขนาดความสูงไม่เกิน 11 นิ้ว จัดอยู่ในกลุ่ม Toy ส่วนขนาด Tea-Cup ซึ่งเล็กกว่า Toy Poodle เป็นเพียงขนาดไม่ได้จัดประกวด มีความสูงตั้งแต่8 นิ้วลงไป นับเป็น Pet-Quality ที่นิยมเลี้ยงกันเท่านั้นจะเข้าประกวดไม่ได้เลย ถือเป็นPoodle ที่ด้อยผิดมาตรฐานของสายพันธุ์ Poodle ทั่วๆ ไป
การเดิน : มีความสง่างาม ขณะเดินหรือวิ่ง ขาหน้าไม่แกว่งหรือยกเตะสูงเหมือนพันธุ์Miniatrue Pinscher จะเหวี่ยงขว้างไกลไปข้างหน้าเช่นเดียวกับขาหลัง หัวตั้งตรง ขณะเดินไม่โยกไปมา ขาแข็งแรง ก้าวอย่างมั่นใจ
ปัญหาของสายพันธุ์พุดเดิ้ล
ขนแน่น 2 ชั้น ต้องการการบำรุงเส้นขนเป็นพิเศษ มักมีปัญหาสุขภาพช่องปาก เช่น คราบหินปูน ฟันผุ มีกลิ่นปาก
พูเดิ้ลมักเจอปัญหาโรคต้อกระจกเมื่ออายุมาก
เยอรมัน เชฟเฟอร์ด
สุนัข ขนาดใหญ่ เป็นสุนัขที่ต้องการการออกกำลังกายเป็นพิเศษ ต้องการการดูแลขนเป็นพิเศษ และเป็นสุนัขเฝ้ายามที่ดี ส่วนสูง น้ำหนัก วงจรชีวิต การจัดกลุ่มพันธุ์ 22-26 นิ้ว 65-95 ปอนด์ 11-13 ปี สุนัขอารักขา
ลักษณะเด่น
มี ขน 2 ชั้น ขนชั้นนอกยาวปานกลาง ขนชั้นนอก แน่น หยาบ เหยียดตรงและราบไปกับลำตัวปกคลุมขนชั้นในที่แน่นและนุ่ม สีขนปกติจะเป็นสีดำกับสีน้ำตาล หรือสีดำล้วน แต่มีบางตัวที่มีสีขาว (ซึ่งยังไม่เป็นที่ยอมรับ) จมูก ขอบตา และริมฝีปากเป็นสีดำ หางมีขนฟู หูตั้งซึ่งทำให้มันดูเหมือนตื่นตัวตลอดเวลา หน้าอกลึก ขาหลังแข็งแรงและมีกล้ามเนื้อ หางจะตกหากมันรู้สึกผ่อนคลาย
นิสัย
เจ้า สุนัขแสนรู้ตัวนี้หากได้รับการผสมพันธุ์จากพ่อพันธุ์แม่พันธุ์ที่ดีและได้ รับการฝึกฝนอย่างถูกต้องแล้ว มันจะเป็นสุนัขที่เป็นมิตร เรียบร้อย ขี้เล่น ช่างประจบเอาใจ สุนัขพันธุ์นี้สามารถฝึกให้เชื่อฟังได้ง่ายเพราะฉลาด ตอบสนองไว และมีสมาธิ เนื่องจากสามารถปรับตัวให้เข้ากับสถานที่ได้ดี สามารถเลี้ยงไว้ในคอนโดหรือในเมืองที่แออัดก็ได้ แต่มีข้อยกเว้นว่าจะต้องได้รับการออกกำลังกายอย่างเพียงพอ ถ้าคุณทำไม่ได้หรือไม่แน่ใจ ขอแนะนำว่าอย่าเลี้ยงสุนัขพันธุ์นี้จะดีกว่า จะได้ไม่ต้องหาบ้านใหม่ให้มันในภายหลัง
การตัดแต่งขนและการออกกำลังกาย
ควร แปรงขนให้ทุกวันเพราะสุนัขพันธุ์นี้จะผลัดขนตลอดปี ต้องการการออกกำลังกายด้วยการเดินไกลๆ และควรมีเวลาให้มันได้เล่นทุกวันเพื่อไม่ให้มันรู้สึกเบื่อและมีพฤติกรรมที่ ไม่พึงประสงค์และโรคตามมา
ถิ่นกำเนิด
มี ต้นกำเนิดในราวศตวรรษที่ 19 เพื่อใช้ต้อนฝูงแกะ แต่ในปัจจุบันเนื่องด้วยมันเป็นสุนัขที่ฝึกง่าย เรียนรู้ได้เร็ว และมีความสามารถหลากหลาย จึงถูกนำไปใช้ในการ ค้นหา ช่วยชีวิต งานตำรวจและทหาร และงานตรวจหาวัตถุระเบิด มันจึงกลายเป็นสุนัขสารพัดประโยชน์ และเป็นสุนัขยอดฮิตติดอันดับสุนัขที่ผู้คนอยากเลี้ยง และสาเหตุนี้เองที่ทำให้มีผู้เพาะพันธุ์หลายรายเพาะพันธุ์สุนัขอย่างไม่ถูก ต้องและได้สายพันธุ์ไม่ดี ที่มีปัญหาหลายอย่างตามมา เช่นมีลักษณะนิสัยต่างไปจากพันธุ์ของมัน หากคุณได้ลูกสุนัขที่มีสายพันธุ์ที่ดีแล้ว เจ้านี่จะเป็นสุนัขคู่ใจของคุณไปอีกนาน
ข้อควรระวังเป็นพิเศษ
ปัญหา สุขภาพของสายพันธุ์ : โรคข้อสะโพกและข้อศอกห่าง ท้องร่วงเรื้อรัง โรคท้องมาน โรคกระดูกอักเสบ โรคแก้วตาอักเสบ โรคเลือดไหลไม่หยุดระหว่างและหลังผ่าตัด
โกลเดนรีทรีฟเวอร์ (Golden Retriever)
โกลเดนรีทรีฟเวอร์ (อังกฤษ: Golden Retriever) เป็นสายพันธุ์สุนัข มีถิ่นกำเนิดในประเทศสกอตแลนด์ มีขนยาว มีสีขนเหลืองอ่อน เหลืองทอง และเหลืองเข้ม โดยทั่วไปแล้ว เพศผู้ควรมีความสูง (วัดจากหัวไหล่ถึงปลายเท้า) ประมาณ 23- 24 นิ้ว และเพศเมียควรมีความสูงประมาณ 21.5-22.5 นิ้ว แต่เดิมนั้นสายพันธุ์นี้ได้ปรับปรุงคุณลักษณะบางอย่างเพื่อในงานของนายพราน เช่น มีรูปร่างสมส่วน คล่องตัว เขียวและฟันงับชิ้นเหยื่อโดยให้ช้ำเพียงเล็กน้อย เป็นต้น ไม่มีปรากฏว่าสุนัขสายพันธุ์นี้มีความก้าวร้าวแต่อย่างใด
ลักษณะทั่วไป
สุนัขขนาดใหญ่ รักเด็ก ส่วนสูง น้ำหนัก วงจรชีวิต การจัดกลุ่มพันธุ์ 21.5- 24 นิ้ว 55- 75 ปอนด์ 12-14 ปี สุนัขที่ใช้ในกีฬาล่าสัตว์ โกลเด้น รีทรีฟเวอร์เป็นสุนัขขนาดใหญ่ที่มีความคล่องตัวสูง ขนชั้นในแน่น และกันน้ำได้ดีเช่นเดียวกัน มีขนปุกปุยหนาแน่นบริเวณคอ ด้านหลังขาหลัง และหาง และมีขนปุกปุยปานกลางบริเวณด้านหลังขาหน้าและท้อง สีของขนมีหลายเฉดสีต่างกันไป ตั้งแต่สีทองเข้มจนถึงทองเงา
โกลเด้น รีทรีฟเวอร์ เป็นสุนัขที่มีความเฉลียวฉลาดมากมากจนสามารถนำมาฝึกเพื่อใช้งานได้ เนื่องจากเป็นสุนัขที่มีขนาดไม่เล็กหรือไม่ใหญ่จนเกินไป จัดว่าเป็นสุนัขที่มีประสาทสัมผัสดีเลิศทั้งในด้านของการฟังเสียง การดมกลิ่นสะกดรอย นอกจากนี้ยังมีสายตาอันเฉียบคมและแม่นยำ ด้วยเหตุนี้วงการทหารและตำรวจในหลายๆ ประเทศจึงได้นำสุนัขพันธุ์นี้มาฝึกเพื่อไว้ช่วยงานราชการ อาทิเช่น ตรวจค้นยาเสพติด , ดมกลิ่นสะกดรอยคนร้าย, ยามรักษาความปลอดภัย แต่ที่ดูเหมือนจะได้รับความนิยมสูงสุด ก็เห็นจะได้แก่ฝึกให้เป็นสุนัขนำทางคนตาบอด ทั้งนี้เพราะโกลเด้น รีทรีฟเวอร์เป็นสุนัขซึ่งฉลาด แต่ไม่ค่อยเจ้าเล่ห์หรือซุกซนเหมือนสุนัขบางพันธุ์ ขนชั้นนอกแน่น เงา หยิกเป็นลอนเล็กน้อย และราบเรียบไปตามลำตัว กันน้ำได้ดี
อุปนิสัย
มีความกระตือรือร้นตลอดเวลาจนถึงขั้นซุกซน จะไม่ส่งเสียงโดยไม่มีเหตุผล ฉลาด เชื่องมากๆ สามารถ
เรียนรู้การฝึกฝนได้รวดเร็ว
การตัดแต่งขนและการออกกำลังกาย
เจ้าโกลเด้นเป็นสุนัขที่มีขนร่วงมาก จำเป็นจะต้องแปรงและหวีขนให้มันสัปดาห์ละหลายๆ ครั้ง มันจะมีความสุขมากๆ หากเจ้าของพามันไปเดินเล่นไกลๆ ทุกวันหรือหาสนามโล่งๆ ให้ได้วิ่งเล่นแบบสบายๆ ไร้กังวล ได้เล่นกับสุนัขตัวอื่น วิ่งเก็บลูกบอล หรือว่ายน้ำ
ข้อควรระวังเป็นพิเศษ
ลูกสุนัขที่ได้มาจาการผสมพันธุ์ที่ไม่ดี จะมีนิสัยก้าวร้าว ซนอย่างร้ายกาจ กระตือรือร้นมากเกินไป และขี้โรค ปัญหาสุขภาพของสายพันธุ์ :โรคข้อสะโพกและข้อศอกห่าง โรคต้อกระจก โรค
ขาดฮอร์โมนไทรอยด์ โรคเนื้องอกในต่อมน้ำเหลือง
ลาบราดอร์ รีทรีฟเวอร์ (Labrador Retriever)
ประวัติ
ลาบราดอร์ รีทรีฟเวอร์ มีต้นตระกูลอยู่ที่ Newfoundland ชายฝั่งทะเล ประเทศแคนาดา และในช่วงต้นศตวรรษที่19 ได้มีการนำสุนัขพันธุ์นี้ไปยังประเทศอังกฤษทางเรือประมง และต่อมาก็ได้มี การพัฒนาสายพันธุ์และเลี้ยงขึ้นมาในฐานะสุนัขล่าเหยื่อ และยังถูกใช้เป็นสุนัขกู้ภัย เพราะสามารถเคลื่อนที่ได้เร็วแม้ในภูมิประเทศที่ขรุขระ หรือแม้กระทั่งพื้นที่ที่ปกคลุมด้วยน้ำแข็ง ลาบราดอร์ รีทรีฟเวอร์ เป็นที่รู้จักกันดีในเรื่องความอดทน เข้มแข็ง มีความสามารถในการดมกลิ่นดีเยี่ยม มีความปรารถนาจะเอาใจผู้อื่นอีกด้วย และเป็นสุนัขที่ขี้เล่นกับเจ้าของมาก
รายละเอียด
ถิ่นกำเนิดของสายพันธุ์
มาตรฐานสายพันธุ์
น้ำหนัก เพศผู้ 60 - 75 ปอนด์
จัดอยู่ในกลุ่ม กลุ่มสุนัข Sporting
ลูกสุนัขพันธุ์ ลาบราดอร์ จะร่าเริงและควบคุมได้ยากสำหรับสมาชิกในครอบครัวซึ่งเป็นเด็กเล็ก หรือผู้สูงอายุ และเจ้าของสุนัขพันธุ์ควรมีสนามหลังบ้านซึ่งมีรั้วรอบขอบชิดอีกด้วย สุนัขลาบราดอร์ รีทรีฟเวอร์ เป็นสุนัขที่อ้วนง่าย ควรให้ออกกำลังกายเป็นประจำและสม่ำเสมอ
ลาบราดอร์ รีทรีฟเวอร์ มีต้นตระกูลอยู่ที่ Newfoundland ชายฝั่งทะเล ประเทศแคนาดา และในช่วงต้นศตวรรษที่19 ได้มีการนำสุนัขพันธุ์นี้ไปยังประเทศอังกฤษทางเรือประมง และต่อมาก็ได้มี การพัฒนาสายพันธุ์และเลี้ยงขึ้นมาในฐานะสุนัขล่าเหยื่อ และยังถูกใช้เป็นสุนัขกู้ภัย เพราะสามารถเคลื่อนที่ได้เร็วแม้ในภูมิประเทศที่ขรุขระ หรือแม้กระทั่งพื้นที่ที่ปกคลุมด้วยน้ำแข็ง ลาบราดอร์ รีทรีฟเวอร์ เป็นที่รู้จักกันดีในเรื่องความอดทน เข้มแข็ง มีความสามารถในการดมกลิ่นดีเยี่ยม มีความปรารถนาจะเอาใจผู้อื่นอีกด้วย และเป็นสุนัขที่ขี้เล่นกับเจ้าของมาก
รายละเอียด
ถิ่นกำเนิดของสายพันธุ์
ถิ่นกำเนิด ประเทศแคนาดา
มาตรฐานสายพันธุ์
น้ำหนัก เพศผู้ 60 - 75 ปอนด์
เพศเมีย 55 - 70 ปอนด์
ส่วนสูง เพศผู้ 22.5 - 24.5 นิ้ว
เพศเมีย 21.5 - 23.5 นิ้ว
ลักษณะขน สั้นเรียบ และแน่น
สีขน ดำ, เหลือง, ช็อคโกแลต
จัดอยู่ในกลุ่ม กลุ่มสุนัข Sporting
ช่วงชีวิตเฉลี่ย
ลาบราดอร์ รีทรีฟเวอร์ มีช่วงชีวิตระหว่าง 12-15 ปี ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับสิ่งแวดล้อม และการดูแลเอาใจใส่
อุปนิสัยประจำพันธุ์/ลักษณะประจำพันธุ์/อารมณ์
สุนัขพันธุ์ ลาบราดอร์ รีทรีฟเวอร์ เป็นสุนัขที่ฉลาดหลักแหลม กระตือรือร้น รักสนุก ช่างเอาอกเอาใจเป็นสายพันธุ์ที่เหมาะกับครอบครัวที่มีเด็กประกอบกับการที่ เป็นสุนัขเฝ้ายามที่ดีเนื่องจากมีเสียงเห่าทุ้มและ หนักแน่น เป็นที่น่าเกรงขามเพื่อเตือนเมื่อมีผู้บุกรุก
ความเข้ากันได้กับสัตว์เลี้ยงอื่นๆ
เหมาะมากสำหรับการเข้ากับสัตว์เลี้ยงชนิดอื่น
ความต้องการการเอาใจใส่ดูแล
สำหรับสุนัขพันธุ์นี้ ต้องมีคอกที่ใหญ่และมีรั้วสูงล้อมรอบ ในฤดูร้อนก็ควรมีพื้นที่มีร่มเงาสำหรับสุนัขพันธุ์นี้ด้วย เช่นเดียวกับสุนัขทั่วไป พวกเขาจะมีความสุขมากกว่าหากมีสุขภาพที่สมบูรณ์แข็งแรง สำหรับสุนัขที่โตแล้ว ควรให้เขาเดินได้วันละ 30 นาที จะทำให้พวกเขาแข็งแรง ในขณะที่สำหรับลูกสุนัข จะใช้เวลาในการเล่นทั้งวัน สำหรับผู้ที่คิดจะเลี้ยงสุนัขพันธุ์นี้บ้านของคุณควรมีบริเวณสนามหลังบ้าน ไว้ให้พวกเขาได้วิ่งเล่น และพวกเขายังเป็นจอมเคี้ยวและจอมขุดตัวยงอีกด้วย ถ้าคุณอยากให้สวนของคุณ สวยเหมือนเดิม ให้เตรียมกั้นรั้วไว้ว่าบริเวณไหนที่คุณจะอนุญาตให้เขาเล่นได้ เนื่องจากสุนัขพันธุ์นี้จะอ้วนง่ายเวลาที่มีอายุมากขึ้นซึ่งสามารถก่อให้เกิดปัญหาด้านสุขภาพ ดังนั้นจึงควรดูแลอาหารการกินที่มีปริมาณและคุณค่าทางอาหารเหมาะสมตามวัยของสุนัข
ผู้เลี้ยงที่เหมาะสม
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)