บล็อคนี้จัดทำขึ้นเพื่อใช้ในการเรียนรายวิชา อินเตอร์เน็ตและการสื่อสารในชีวิตประจำวัน มหาวิทยาลัยมหาสารคาม

วันพุธที่ 7 กันยายน พ.ศ. 2554

อาฟกันฮาวด์

ด้วยรูปร่างที่สูงโปร่งและลักษณะของขนที่ยาวสลวยจึงทำให้สุนัขพันธุ์นี้เป็น สุนัขที่สง่างาม ดูแล้วเป็นสุนัขที่มีความคลาสสิกในตัวมากเมื่อมองจากด้านหน้าจะดูตรงหัวเชิด ตรง คอยาวโค้ง ได้สัดส่วน ขนยาว ท่วงท่าในการเคลื่อนไหวจะต้องสง่างาม ให้สมกับที่ฝรั่งเขาตั้งให้ว่าเป็น THE KING OF DOG

มาตราฐานสายพันธุ์
อุปนิสัย : เป็นสุนัขที่เรียบร้อย สำอาง แต่ตอน อายุระหว่าง 2-12 เดือน จะซนมาก
ศีรษะ : โหนกยาวได้สัดส่วน บ่งบอกถึงความสมดุลกับลำตัว หน้าผากและใบหน้าเรียบไม่ควรมีสต๊อป สันจมูกเรียบ หรืออาจจะโก่งเล็กน้อย ขนตรงส่วนหัวจะต้องยาวนุ่มสลวย แต่ขนที่ใบหน้าต้องสั้นเกรียน ลูกสุนัขบางตัวจะมีหนวด แต่จะหลุดออกเมื่อโตขึ้น
หู : ยาว ต้องอยู่ในแนวเดียวกับตา เนื้อปลายหูจะต้องยาว เวลาวัดจะต้องยาวถึงจมูก อย่างน้อยที่สุด ปกคลุมด้วยขนยาว
ตา : ยาวคล้ายผลอัลมอนด์ ดวงตาสีดำหรือสีคล้ำใสไม่ฝ้าฟาง
จมูก : โตพอสมควรและต้องเป็นสีดำ
คอ : ยาว แข็งแรง โค้งมนได้สัดส่วน จนถึงหัวไหล่ ซึ่งยาวโค้งและลู่ไปข้างหลัง
ลำตัว : เส้นตรงในระดับหัวไหล่ถึงสะโพกแข็งแรงและมีกระดูกสะโพกโผล่ เล็กน้อย สีข้างเรียบ ความสูงจากพื้นถึงหัวไหล่เท่ากับความยาวจากข้างหน้าถึงข้างหลัง
หาง : ไม่อยู่สูงเกินไปจากเส้นหลัง ต้องขดเป็นวงแหวนหรือตรง ส่วนปลายโค้งเหมือนดาบแขก แต่จะต้องไม่ขดเหมือนก้นหอย หางต้องไม่เบี้ยวไปข้างใดข้างหนึ่ง เวลาวิ่งหางจะต้องไม่ไปจุกที่ก้น
ขาหน้า : ตรง แข็งแรง และมีช่วงยาวสวยงามระหว่างข้อศอกกับข้อพับเท้าสุนัขที่มีหัวไหล่ตรงเป็นสุนัขที่ผิดแสตนดาร์ด
ขน : ปกคลุมยาวทั้งตัวยกเว้นขนหลัง หน้าและหางมีขนปกคลุมยาวไม่มาก ลักษณะเส้นขนนุ่มเส้นบางไม่หนาหยาบ ในสุนัขที่โตเต็มที่ขนหลังจะต้องสั้นเกรียนสีเข้มกว่าสีขนบนลำตัว
สี : ทุกสี เช่น ขาว ครีม เทา ดำแดง ดำเงิน รวมไปถึงลายเสือ
น้ำหนัก : ตัวผู้ประมาณ 28 กก. ตัวเมียประมาณ 23 กก
ส่วนสูง : ตัวผู้สูง 27 นิ้ว ตัวเมียสูง 25 นิ้ว อาจจะมากกว่าหรือน้อยกว่าไม่เกินหนึ่งนิ้ว
ข้อบกพร่อง : ดุหรือขี้กลัว ขนสั้นเกินไป เวลาวิ่งเท้าแกว่ง หลังแอ่น หลังโก่งหรือสุนัขที่มีเส้นหลังไม่เรียบหน้าอกกว้างเกินไป หัวสุนัขที่ไม่โหนกและไม่มีขนปกคลุม

หลังอาน

สุนัข ไทยหลังอาน เป็นสุนัขที่มีถิ่นกำเนิดอยู่ทางภาคตะวันออกของประเทศไทย คือ ในจังหวัดตราดและจังหวัดใกล้เคียง เช่น จังหวัดจันทบุรี และระยองจึงจัดเป็นสุนัขพื้นเมืองในบริเวณดังกล่าว

ลักษณะทั่วไป

เป็น สุนัขขนาดกลางมีรูปร่างใกล้เคียงกับสุนัขพื้นเมืองไทยทั่วไป แต่มีลักษณะพิเศษเป็นเอกลักษณะประจำพันธุ์ คือ บนหลังมีอานอยู่ด้านบน คล้ายว่ามีอานม้าวางอยู่บนหลัง มีรูปร่างลักษณะสง่างาม หน้าเชิด หูตั้ง หางทอดโค้งเหมือนดาบงอน ลิ้นมีปานสีดำ แต่เดิมใช้ในการล่าสัตว์เพราะมีความคล่องแคล่วว่องไว สำหรับอานที่เกิดบนหลังที่ดีจะต้องมีขนาดใหญ่ อานของสุนัขเกิดจาก 2 ลักษณะดังนี้

1. ขนที่ชี้ย้อนกลับไปด้านหน้า และไม่ได้เกิดจากขวัญ
2. ขวัญ ขวัญจะวนเป็นรูปก้นหอยจากไหล่ทั้ง 2 ข้างแล้วมาบรรจบกันที่หัวไหล่ เป็นวงกลมใหญ่ และเรียวลงมาตามแนวกระดูกสันหลังจรดโคนหางเหมือนอานม้า

การเกิดขวัญ ในตำแหน่งและจำนวนที่ต่างกัน มีผลทำให้เกิดรูปร่างของอานแตกต่างกันไป ซึ่งสามารถแบ่งได้ 8 ชนิด ดังนี้

1. อานเข็ม มีขนาดเล็ก และไม่มีขวัญ
2. อานแบบแผ่น หรือ อานม้า ขนาดใหญ่เต็มแผ่นหลังและไม่มีขวัญ
3. อานแบบเทพพนม ขนบนหลังจะไม่ชี้ย้อนไปด้านหัวแต่จะชี้ชนกันกลางแนวสันหลัง เหมือนใช้นิ้วประสานกันพนมไหว้ และไม่มีขวัญบนหลัง
4. อานแบบหัวลูกศรหรือธนู เกิดจากการมีขวัญ 2 ขวัญบนหัวไหล่
5. อานแบบพิณ เกิดจากขวัญจำนวน 3 – 4 ขวัญ คือ ที่บริเวณหัวไหล่ 1 – 2 ขวัญ และบริเวณกึ่งกลางลำตัว 2 ขวัญอยู่กันคนละฝั่ง
6. อานแบบใบโพธิ์ ขวัญจะกว้างเต็มแผ่นหลังและเรียวยาว แต่ไม่ถึงโคนหาง
7. อานแบบไวโอลีน เกิดจากขวัญตั้งแต่ 3 – 5 ขวัญ คือ คู่แรกอยู่บนหัวไหล่หน้า ส่วนคู่ที่ 2 จะเกิดค่อนไปด้านหาง
8. อานแบบลูกโบว์ลิ่ง เกิดจากขวัญ 4 – 5 ขวัญ คือ บริเวณหัวไหล่อาจมี 1 ขวัญ หรือไม่มีก็ได้ บริเวณกลางลำตัวมี 1 คู่ อยู่ชิดกันเป็นช่องที่แคบ และมีขวัญอีก 1 คู่ที่เหนือโคนขาหลังโดยอยู่ห่างกัน และดูกว้างกว่าคู่แรก

นิสัย

สุนัข ไทยหลังอานเป็นสุนัขขนาดกลาง ได้ชื่อว่ารักเจ้าของมาก ซื่อสัตย์ ไม่ดื้อประจบเก่ง สุภาพ และฉลาด แต่มีความดุร้ายพอสมควรเมื่อเจอคนที่ไม่ใช่เจ้าของ

มาตรฐานพันธุ์

ขนาด เพศผู้ เพศเมีย
ความสูง (เซนติเมตร) 52.5 - 62.5 47.5 - 57.5
น้ำหนักตัว (กิโลกรัม) 22 - 24 20 - 22

ขน

สุนัขไทยหลังอานจะมีขนสั้น แบ่งได้เป็น 2 แบบ คือ แบบกำมะหยี่ ขนจะสั้นเกรียนติดผิวหนังและมีความนุ่ม และแบบสั้นแต่ไม่เกรียนติดหนัง

สี

สีควรเป็นสีเดียวทั้งตัว ส่วนสีที่พบได้ คือ น้ำตาล, น้ำตาลแดง, น้ำตาล อ่อน, น้ำตาลดำ, ขาว, กลีบบัว และสีสวาท

หลักเกณฑ์การให้คะแนนในการประกวดสุนัขไทยหลังอาน

อาน 20 คะแนน
ขนาด และลักษณะทั่วไป 20 คะแนน
ลำตัว 15 คะแนน
หาง 10 คะแนน
ขน 10 คะแนน
หัว - ตา 10 คะแนน
ขา - เท้า 10 คะแนน
หู 10 คะแนน
รวม 100 คะแนน

สแตฟฟอร์ดเชียร์เทอร์เรียร์

ความ เหมาะสมในการเลี้ยงสุนัขพันธุ์สแตฟฟอร์ดเชียร์ เทอร์เรียร์ คือ ต้องการครอบครัวหรือผู้ที่สามารถอุทิศเวลาให้มันเป็นสุนัขที่ฝึกได้ง่าย มันมีความพึงพอใจที่จะเอาใจผู้เป็นเจ้าของ เป็นสุนัขที่คุ้นเคยกับผู้คนและเฉลียวฉลาดมาก เป็นสุนัขที่เต็มไปด้วยพลังงาน มีความสามารถในเชิงกีฬา ไม่เหมาะที่จะเลี้ยงร่วมกับสุนัขพันธุ์อื่นๆ และถ้าเลี้ยงร่วมกับเพศเดียวกันก็จะเกิดการต่อสู้กัน

สุนัขพันธุ์นี้มีสายเลือดของสุนัขพันธุ์บูลด็อกและสุนัขพันธุ์เทอร์เรียร์ เท่าๆ กัน ก็เลยตัวล่ำ สู้ไม่ถอย เคยมีประวัติมวยสุนัขติดอยู่ในประวัติศาสตร์ของอังกฤษมาตั้งแต่ต้นคริสต์ ษตวรรษที่ 19 แล้ว

ชื่อนี้เอามาจากพวกชาวเหมืองของเมืองสแตฟฟอร์ดเชียร์ประเทศอังกฤษ ที่ตั้งหน้าตั้งตาเพาะสุนัขบ่อนเอาไว้กัดกันมาช้านาน ก่อนที่จะมีกฎหมายห้ามกัดสุนัข

อเมริกาเพิ่งรู้จักสุนัขพันธุ์นี้เมื่อปี 1870 ซึ่งในตอนแรกเรียกกันว่า แยงกี้เทอร์เรียร์บ้าง หรือไม่ก็อเมริกันบูลล์เทอร์เรียร์บ้าง พวกนักเลงเพาะสุนัขที่อเมริกาเน้นหนักกันที่ขนาดและรูปร่าง สุนัขที่เพาะจากอเริกาก็เลยตัวหนักกว่าเดิม
สุนัขรุ่นสมัยใหม่นี้ทิ้งนิสัยนักเลงไปแล้ว กลายสุนัขที่สุภาพและวางใจได้ ว่ากล่าวก็ง่าย เมื่อนำมาเลี้ยงก็คงไม่สามารถที่จะหาใครที่น่ารักและภักดีเหมือนเจ้า สแตฟฟอร์ดเชียร์ตัวนี้ไม่ได้อีกแล้ว มันจะรักเจ้านายถึงขั้นยอมถวายชีวิตเลยทีเดียว

มาตราฐานสายพันธุ์
ลักษณะโดยทั่วไป : มีขนเรียบ มีพละกำลังมากและเต็มไปด้วยกล้ามเนื้อ ไม่หยุดนิ่งและคล่องแคล่วว่องไว
ศีรษะ : สั้น ลึก กะโหลกกว้าง กล้ามเนื้อแก้มเด่นชัด มีหน้าแงที่ชัดเจน หน้าผากสั้น จมูกสีดำ หากเป็นสีชมพูเป็นข้อบกพร่องที่ร้ายแรง
ตา : นิยมสีดำ แต่อาจจะมีความสัมพันธ์กับสีขนก็ได้ ตากลมขนาดปานกลาง ตาสีจางหรือขอบตาสีชมพูเป็นข้อบกพร่อง ยกเว้นในกรณีที่ขนรอบขอบตาเป็นสีขาวขอบตาก็อาจเป็นสีชมพูได้ หูไม่ใหญ่ ใบหูตั้งครึ่งเดียว ถ้าใบหูตั้งหรือหลุมถือเป็นข้อบกพร่องที่ร้ายแรง
ปาก : สบกันแน่น ฟันที่อยู่บนหรือล่างยื่นไปข้างใดข้างหนึ่งถือเป็นข้อบกพร่องอย่างร้ายแรง
คอ : เส้นหลังและลำคอเต็มไปด้วยมัดกล้ามเนื้อ เส้นหลังอยู่ในแนวระดับ ด้านหน้ากว้าง ส่วนนอกที่อยู่ระหว่างขาหน้าลึก กระดูกซี่โครงโค้งได้ที่ ซี่โครงที่อยู่ใกล้ชายกระเบนเหน็บค่อนข้างบอบบาง ไม่ตัดหาง หางที่ยาวหรือโค้งเกินไปเป็นข้อบกพร่อง
ส่วนหน้า : ขาเหยียดตรง มีกระดูกที่แข็งแรง ตั้งอยู่ค่อนข้างห่างจากกัน ไหล่ไม่หย่อนยาน ฝ่าเท้าไม่อ่อนแอ เท้าควรมีอุ้งเท้าที่หนา แข็งแรงและมีขนาดปานกลาง
ส่วนท้าย : ควรจะมีกล้ามเนื้อส้นเท้าที่ต่อกับเข่าควรโค้งได้ที่ นิ้วติ่งที่ขาหลังควรตัดทิ้ง
ขน : เรียบ สั้น แนบติดหลัง ไม่ควรตัดให้สั้น
สี : สีแดง สีลูกวัว สีขาว สีดำหรือสีน้ำเงินหรือสีใดสีหนึ่งที่กล่าวมาร่วมกับสีขาว อาจจะมีเฉดสีของสีลายเสือ หรือเฉดสีลายเสือร่วมกับสีขาว สีดำ สีน้ำตาลแดงและสีตับจะถูกตัดสิทธิ์ไม่ให้ประกวด
การย่างก้าว : อิสระ เต็มไปด้วยพละกำลัง คล่องแคล่วว่องไว ไม่ต้องออกแรงมาก หากมองจากทางด้านหน้าหรือด้านหลัง ขาจะเคลื่อนไหวขนานกัน

เวสต์ไฮด์แลนด์ไวท์เทอเรียร์

สุนัขพันธุ์นี้มีขนาดเล็ก ชอบความสนุกสนาน ร่างกายมีความสมดุล แข็งแรง มีการนำเสนอและอวดตัวเองได้ค่อนข้างดี ไม่หวงตัวมาก มีโครงสร้างร่างกายที่ดี แข็งแรง มีอกที่ลึกและซี่โครงดีมีหลังตรง และลำตัวด้านหลังเต็มไปด้วบพลังจากกล้ามเนื้อของขาร่วมกับการแสดงออกของ สุนัข ทำให้เพิ่มระดับความแข็งแรงและความคล่องแคล่ว ความยาวของขนประมาณ 2 นิ้ว เป็นขนสีขาวค่อนข้างแข็ง แต่ขนชั้นในนิ่ม ขนที่ยาวกว่าจะอยู่บริเวณด้านหลังและด้านข้าง ควรมีการเล็มขนให้สั้นในบริเวณคอและขนบริเวณไหล่ สิ่งสำคัญที่ต้องคำนึงถึงคือขนบริเวณรอบคอด้านบนต้องปล่อยไว้ ซึ่งเป็นลักษณะเฉพาะตัวโดยแผ่เป็นรูปวงกลมรอบๆใบหน้า

มาตราฐานสายพันธุ์
ขนาด : ในตัวผู้ขนาดไม่ควรเกิน 11 นิ้ว เมื่อวัดจากตะโหนก ในตัวเมียไม่ควรเกิน 10 นิ้ว ถ้าผิดไปจากนี้เล็กน้อยยอมรับได้ สุนัขพันธุ์นี้เป็นสุนัขขนาดกะทัดรัด ด้วยสัดส่วนและสมดุลที่ดี ลำตัวต้องระหว่างตะโหนกถึงหางจะสั้นกว่าความสูงเล็กน้อย มีขาที่สั้นแต่กระดูกเจริญดี แข็งแรง
ลักษณะที่ผิด มีความสูงมากกว่าหรือน้อยกว่าที่กำหนดไว้ กระดูกใหญ่
ศีรษะ : มีลักษณะกลมเมื่อมองจากด้านหน้า มีสัดส่วนที่พอเหมาะกับร่างกาย แววตาที่อยากรู้อยากเห็น ชอบค้นคว้า ทะเล้น นัยน์ตาตั้งอยู่ในตำแหน่งที่ห่างกัน มีขนาดปานกลาง รูปทรงอัลมอนด์ สีน้ำตาลเข้ม ตาค่อนข้างลึก ตาคมและมีแววเฉลียวฉลาด มองจากด้านล่างมีขนคิ้วที่หนา ขอบตาดำ
ลักษณะที่ผิด ขนาดเล็ก ตาโปน หรือสีซีด
หู : ใบหูเล็ก ตั้งตรงเสมอ ตั้งห่างกันอยู่ด้านบนของขอบนอกของกะโหลก ปลายใบหูค่อนข้างแหลม หูต้องไม่ตก ขนที่ใบหูต้องได้รับการตัดและเล็มอยู่เสมอ สุนัขต้องขยับใบหูได้อย่างอิสระ สุนัขผิวสีดำถือว่าปกติเป็นที่นิยม
ลักษณะที่ผิด ใบหูกลม กว้าง ใหญ่ หูตั้งชิดกัน ไม่ตั้งตรง หรือตั้งอยู่ต่ำเกินไป
กะโหลก : มีความกว้างกว่าด้านยาวเล็กน้อย แต่ไม่แบนตรงบริเวณส่วนบนสุด มียอดเล็กน้อยระหว่างใบหู แล้วลาดลงมาบริเวณนัยน์ตา มีจุดสต๊อบที่ชัดเจน มีคิ้วที่หนา
ลักษณะที่ผิด กะโหลกที่แคบหรือกว้างเกินไป
ปาก : ไม่แหลม สั้นกว่าส่วนกะโหลก เต็มไปด้วยพละกำลังแล้วลาดลงมาสู่ปลายจมูก ซึ่งใหญ่และสีดำ ขากรรไกรได้ระดับและแข็งแรง ริมฝีปากต้องเป็นสีดำ
ลักษณะที่ผิด ส่วนปากยาวกว่าส่วนกะโหลก จมูกมีสีอื่นที่ไม่ใช่สีดำ
การ สบกันของฟัน ฟันต้องใหญ่เหมาะกับขนาดของสุนัข ฟันตัดอย่างน้อย 6 ซี่ ระหว่างฟันเคี้ยว ทั้งฟันบนและฟันล่าง การไม่มีฟันกรามเป็นสิ่งที่ยอมรับได้ ฟันตัดบนอาจอนยู่เหลือครบ เหลือฟันตัดล่างเล็กน้อยยอมรับได้
ลำตัว : คอเต็มไปด้วยกล้ามเนื้อและลาดลงไปยังไหล่ได้ดี ความยาวของลำคอต้องได้สัดส่วนของสุนัข
ลักษณะที่ผิด ลำคอสั้นหรือยาวเกินไป
ส่วนบนของลำตัว : เรียบและได้ระดับทั้งขณะที่ยืนและวิ่งหรือเดิน
ลักษณะที่ผิด บั้นท้ายสูงเกินไปตัวบิด
ลำตัว : กะทัดรัดได้สัดส่วนดี อกลึกอย่างน้อยลงไปถึงข้อศอกสุนัข
ลักษณะที่ผิด อกตื้น แคบหรือแอ่น ยาวหรือสั้นเกินไป อกที่เป็นถังเบียร์
หาง : ต้องสั้น ได้สัดส่วน ลักษณะคล้ายแครอท ขณะยืนต้องสูงไม่เกินกะโหลก ปกคลุมไปด้วยขนที่แข็ง ต้องตรงมากที่สุดเท่าที่เป็นไปได้ หางชี้ชันแต่ต้องไม่แตะหลัง ต้องไม่ตัดหาง
ลักษณะที่ผิด ตั้งอยู่ในตำแหน่งต่ำ หางยาวมากเกินไป ขนบางมาก หางม้วนขอดอยู่บนหลัง
ขาหลัง : เต็มไปด้วยกล้ามเนื้อ ทำมุมดี ขาไม่ถ่างมากนัก ขาบิดรงบริเวณข้อขาบนขาสั้นและขนานกัน เมื่อจากด้านท้าย
ลักษณะที่ผิด ขาบิดหรือขาถ่างมาก ไม่มีมุมระหว่างข้อ ข้อเท้ามีลักษณะคล้ายเท้าวัว
อุ้งเท้า : อุ้งเท้าหลังเล็กกว่าเท้าหน้า มีอุ้งเท้าหนา อาจมีการตัดนิ้วติ่
ขน : มีความสำคัญมาก ซึ่งนานๆครั้งจะพบว่าสุนัขมีขนที่สมบูรณ์แบบ ขนต้องเป็น 2 ชั้น เพื่อให้ศรีษะได้รูปต้องมีการดึงขนทิ้ง เพื่อให้ได้ใบหน้าที่กลม ขนชั้นนอกแข็ง ชี้ตรง สีขาว มีความยาวประมาณ 2 นิ้ว ขณะที่ขนบริเวณและคอจะสั้นกว่า อาจมีการตัดแต่งขนเพื่อให้ได้รูปทรงตามมาตรฐานสายพันธุ์ จะมีขนที่ยาวบริเวณตำแหน่ง และขา ขนที่ดีคือสีขาว แข็ง ตรง ขนชั้นในนิ่ม
สีขน : ต้องเป็นมีขาว ตามชื่อสุนัข
การก้าวย่าง : เป็นอิสระ เดินตรงและเลี้ยวกลับไปมาง่าย มีอิสระและพลังขับเคลื่อนที่ดี
อารมณ์ : ทะเล้น สดใส ร่าเริง เป็นมิตร กล้าหาญ เชื่อมั่นในตนเอง
ลักษณะที่ผิด ขี้ขลาด ขี้อาย หรือมีนิสัยนักเลง ชอบต่อสู้

ลาบราดอร์ รีทรีฟเวอร์

นัขพันธุ์ลาบราดอร์ รีทรีฟเวอร์นี้มีต้นกำเนิดในรัฐนิวฟาวด์แลนด์ประเทศแคนาดา โดยใช้ช่วยงานชาวประมงในการลากอวนเข้าฝั่ง ปีที่กำเนิดประมาณ ค.ศ. 1800 และต่อมาในช่วงต้นคริสต์ศตวรรษที่ 19 สุนัขต้นสายพันธุ์ลาบราดอร์ได้ถูกนำจากนิวฟาวด์แลนด์มาที่ประเทศอังกฤษ ซึ่งเป็นสุนัขที่มีสีดำ ขนสั้นทั้งสิ้น แต่ด้วยความที่มีการเก็บค่าภาษีสุนัขที่แพงมาก ประกอบกับกฏระเบียบที่เข้มงวดของอังกฤษทำให้การนำเข้าสุนัขพันธุ์นี้ไปยัง อังกฤษต้องหยุดชะงักลง เมื่อความต้องการลดน้อยลงคนจึงเลิกเพาะ จนมีการพัฒนาสายพันธุ์ขึ้นมาใหม่โดยผสมข้ามสายพันธุ์กับสุนัขในกลุ่มรีทรี ฟเวอร์ในปี ค.ศ. 1903 จะเห็นได้ว่าเดิมสุนัขพันธุ์นี้มีแต่สีดำ แต่หลังจากมีการพัฒนาสายพันธุ์ในภายหลังทำให้เกิดสีเหลืองตามมา ซึ่งก็เป็นที่ยอมรับกันโดยทั่วไปและถูกต้องตามมาตรฐานสายพันธุ์ หรือแม้จะเป็นสีช็อคก็ได้รับความนิยม

ปัจจุบันสุนัขพันธุ์นี้นอกจาก จะใช้งานในการล่าสัตว์แล้ว ยังใช้ในการตรวจค้นหายาเสพติด ระเบิด และช่วยนำทางให้กับผู้พิการทางสายตาอีกด้วย

มาตราฐานสายพันธุ์
ลักษณะทั่วไป : เป็นสุนัขที่มีโครงสร้างแข็งแรง ฝึกง่าย มีความกระตือรือร้น ขนาดใหญ่ ตัวผู้สูง 22.5-24.5 นิ้ว หนัก 60-75 ปอนด์ ตัวเมียสูง 21.5-23.5 นิ้ว น้ำหนัก 55-70 ปอนด์ (ส่วนสูงถึงหัวไหล่ และน้ำหนักโดยประมาณ 25-34 กิโลกรัม)
ศีรษะ : กะโหลกใหญ่กว้าง สันจมูกมี STOP ขอบบนของเบ้าตาเป็นสันนูนขึ้นเล็กน้อย
ตา : ตามีแววที่เป็นมิตร มีขนาดปานกลางไม่โปนหรือบุ๋มลึกเข้าไป มีสีน้ำตาลเข้มหรือดำ
จมูก : จมูกใหญ่และกว้าง มีสีดำสนิทหรือสีน้ำตาล (ขึ้อยู่กับสีขน)
ฟัน : ฟันต้องสบกันพอดี โดยฟันล่างสัมผัสด้านในของฟันบน
หู : หูจะปรกด้านข้างของหัว มีขนาดพอดี ถ้าดึงปลายหูมาด้านหน้าจะยาวระดับตา
ลำตัว : คอยาวเล็กน้อย มีกล้ามเนื้อที่แข็งแรงเป็นลักษณะของสุนัขที่ใช้ในเกมกีฬา เส้นหลังตรง ลำตัวสั้น ช่วงอกกว้างหนา กระดูกซี่โครงค่อนข้างกลม
หาง : ส่วนโคนหางมีขนาดใหญ่ กลม หนา เรียวไปยังส่วนปลาย ไม่มีพู่หาง หางคล้ายหางของนาก
ขน : ขนสั้น เหยียดตรงและหนา มีขนสองชั้น ขนเรียบ มีสามสี สีดำสนิท สีน้ำตาลเข้ม หรือสีเหลืองหรือครีมจาง
ขา : ขาหน้าเหยียดตรงแข็งแรง อุ้งเท้าหนา นิ้วเท้าโค้งมาก ขาหลังแข็งแรงได้สัดส่วน
ลักษณะนิสัย : เป็นสุนัขที่ฉลาด ใจดี เป็นมิตร สุภาพ ไม่ก้าวร้าวต่อคนและสุนัขด้วยกัน อยู่รวมเป็นฝูงได้ ชอบว่ายน้ำ ตอบสนองรวดเร็ว สามารถฝึกความสามารถพิเศษอื่นๆ ได้มากมาย เช่น ใช้เป็นสุนัขค้นหาผู้ประสบภัย ค้นหายาเสพติด ฯลฯ ปรับตัวเข้ากับสิ่งแวดล้อมใหม่ได้ง่าย
สิ่งที่ต้องดูแลเป็นพิเศษ : เป็นสุนัขที่อ้วนได้ง่าย ควรพาไปออกกำลังกายสม่ำเสมอ และได้รับอาหารที่ถูกสุขลักษณะ

ร็อทไวเลอร์

ด้วยอกที่กว้างใหญ่ และร่างกายที่ปราศจากไขมันและมีแต่กล้ามเนื้อ ให้ความรู้สึกถึงพละกำลัง มันเป็นสุนัขที่อ่อนโยน ล่ำสัน แม้จะแลดูใหญ่โต แต่การย่างก้าวที่รวดเร็วทำให้วิ่งเร็วได้อย่างน่าทึ่ง สุนัขที่ทรหดอดทนจะคุ้นเคยกับการมีชีวิตอยู่นอกบ้าน และสามารถทนต่อทุกสภาพอากาศ

สุนัขพันธุ์ร็อทไวเลอร์เป็นสุนัขอารักขาที่น่าเกรงขาม เมื่อถูกฝึกให้ต่อสู้และโจมตี ก็จะทำอันตรายให้แก่ผู้บุกรุก แม้จะฝึกได้ไม่ยาก แต่ต้องมีเจ้านายที่มีวินัยเพื่อทำให้มันเคารพและเชื่อถือ ด้วยความเชื่อมั่นในพละกำลัง โดยธรรมชาติมันจะไม่ลังเลที่จะเผชิญหน้ากับภยันตรายที่จะเกิดขึ้น จะแสดงออกถึงความโดดเดี่ยวโดยธรรมชาติ แต่จะไม่เป็นดังกล่าวกับเจ้านายหรือผู้คนในครอบครัว

ในระหว่างสงครามโลกครั้งที่ 1 ร็อทไวเลอร์ได้ถูกเกณฑ์ให้เข้าประจำการในกองทัพบกของเยอรมัน และในปัจจุบันทำหน้าที่เป็นสุนัขอารักขาให้กับโรงงานและสถานที่ประกอบการ ในประเทศออสเตรเลียมันถูกใช้ในราชการของกรมตำรวจ
สุนัขพันธุ์ร็อทไวเลอร์เป็นสัตว์ที่มีความตื่นตัวและเฉลียวฉลาดอย่างน่าทึ่ง สามารถจดจำเรื่องราวต่างๆ ที่สอน การแสดงออกถึงความสงบเยือกเย็น ทำให้เห็นถึงความกล้าหาญและเสียสละ ด้วยเหตุนี้ทำให้ร็อทไวเลอร์เป็นสัตว์เลี้ยงของครอบครัว

มาตราฐานสายพันธุ์
ลักษณะทั่วไป : ร็อทไวเลอร์ที่อยู่ในอุดมคติควรมีขนาดปานกลาง ล่ำและมีพลัง ความกระทัดรัดและโครงสร้างที่บึกบึนเป็นเครื่องบ่งบอกถึงความแข็งแรง สุนัขเพศผู้จะมีโครงสร้างที่ใหญ่กว่าสุนัขเพศเมีย โดยที่เพศเมียแม้จะมีขนาดเล็กกว่าแต่ไม่ได้อ่อนแอกว่าแม้แต่น้อย
ศีรษะ : ความยาวปานกลาง มองด้านข้าง หน้าผากจะโค้งเล็กน้อย ขากรรไกรบนและล่างแข็งแรง หูขนาดปานกลาง ห้อยลง ลักษณะเป็นรูปสามเหลี่ยม ในขณะที่ตื่นตัวหูจะอยู่ในระดับเดียวกับส่วนบนของกะโหลก จมูกกว้างและมีสีดำ ลำตัวกว้างและลึกลงไปจนถึงข้อศอก หลังเหยียดตรงและแข็งแรง ชายกระเบนเหน็บสั้น ลึกและเต็มไปด้วยกล้ามเนื้อ หางตัดสั้นเกือบชิดลำตัว
ส่วนหน้า : ระยะจากจุดสูงสุดถึงข้อศอกมีระยะเท่ากับข้อศอกถึงพื้นดิน ขาได้พัฒนาอย่างแข็งแรง ประกอบด้วยกระดูกที่ใหญ่และเหยียดตรง ฝ่าเท้าแข็งแรง มีสปริงและเกือบจะตั้งฉากกับพื้นดิน กลมและกระทัดรัด โค้งกำลังดี ไม่บิดเข้าหรือบิดออก อุ้งเท้าหนาและแข็ง เล็บเท้าสั้น แข็งแรง และมีสีดำ นิ้วติ่งควรจะตัดทิ้ง
ขน : ขนชั้นนอกเหยียดตรง แน่นและหยาบ ยาวปานกลางและเรียบ ขนชั้นในจะอยู่บริเวณคอและตะโพก ส่วนขนจะหนาหรือบางขึ้นอยู่กับสภาพของอากาศ
สี : ต้องมีสีดำโดยเสมอ โดยอาจจะมีมาร์คกิ้งสีสนิมหรือสีมาฮ็อกกานี มาร์คกิ้งที่ว่าอาจจะอยู่เหนือตาแต่ละข้างบริเวณแก้ม เป็นแถบอยู่ด้านข้างของปากเป็นต้น

มินิเจอร์ พินเชอร์

ถิ่นกำเนิดอยู่ในประเทศเยอรมันนี เมื่อหลายร้อยปีก่อน มีลักษณะคล้ายสุนัขพันธุ์ DOBERMAN แต่มีขนาดเล็กกว่า บางครั้งอาจเรียกว่าโดเบอร์แมนแคระหรือนิยมเรียกสั้นๆว่า MINIPIN MINIPIN เป็นสุนัขที่มีขนาดเล็ก มีความสง่างาม ท่วงท่าการเดินเหมือนม้าย่อง MINIPIN ถึงแม้จะมีขนาดเล็ก แต่จากนิสัยที่กล้าหาญและคล่องแคล่วปราดเปรียวจึงนิยมใช้เป็น สุนัขเฝ้ายามพันธุ์หนึ่ง

มาตราฐานสายพันธุ์
อุปนิสัย : ฉลาด ร่าเริง ตื่นตัวอยู่เสมอ กล้าหาญ ซื่อสัตย์ รักเจ้าของ ชอบเห่า
ศีรษะ : มีขนาดสัมพันธ์กับขนาดของลำตัว หัวกะโหลกแบน หัวกะโหลกระหว่างหูจะเล็กสู่โคนปาก
หู : โคนอยู่ในระดับสูง หูอาจจะตัดและดามให้ตั้งหรือไม่ตัดหูก็ได้
ตา : ค่อนข้างโต เป็นรูปกลมรี ตาสีดำ ขอบตาสีดำ ยกเว้นสีช็อคโกแลต ขอบตาจะมีช็อคโกแลตด้วย
ดั้งจมูก : มีมุมหักเล็กน้อย
ปาก : มีลักษณะแข็งแรงมาก มีขนาดสัมพันธ์กับส่วนหัวสันปากจะขนานกับสันของหัวกะโหลก ริมฝีปากและแก้มมีขนาดเล็ก
จมูก : สีดำ ยกเว้นสุนัขที่มีสีช็อคโกแลต จมูกจะมีสีช็อคโกแลตด้วย
ฟัน : ขบแบบกรรไกร
ลำตัว : ค่อนข้างสั้นเพศผู้ความสูงของลำตัวมีขนาดเท่ากับความยาวของลำตัว ส่วนเพศเมียจะยาวกว่าเล็กน้อยเส้นหลังตรงอาจจะอยู่ในแนวระดับหรือเอียงสู่ บั้นท้ายก็ได้
คอ : มีขนาดสัมพันธ์กับขนาดของหัวและลำตัว คอมีลักษณะกลมประกอบด้วยกล้ามเนื้อ หนังคอตึง คอตั้งเชิดสง่า
ลำตัวส่วนหน้า : หัวไหล่ ลาดเอียง กระดูกหัวไหล่ทำมุมพอเหมาะเพื่อให้การเดินมีลักษณะคล้ายม้าย่อง
อก : ลึกจรดข้อศอก
ขาหน้า : กระดูกขามีขนาดปานกลาง แข็งแรง มองจากด้านหน้าขาหน้าทั้งสองตรงตั้งฉากกับพื้น ขาหน้าทั้งสองห่างกันพอเหมาะข้อเท้าหน้าแข็งแรงตั้งฉากกับพื้น เท้าเล็กคล้ายแมว เท้าหน้ากลม เล็บหนา นิ้วติ่งควรตัดออก
เอว : สั้น แข็งแรง
สะโพก : มีความสูงใกล้เคียงกับระดับเส้นหลัง
ขาหลัง : ท่อนบนประกอบด้วยกล้ามเนื้อ ข้อเท้าแข็งแรงทำมุมพอประมาณข้อเท้าหลังสั้นทำมุมตั้งฉากกับพื้น เมื่อมองจากด้านหลัง ขาหลังตั้งตรง ขนานห่างกันพอเหมาะ เท้าหลังมีลักษณะเหมือนเท้าหน้า
หาง : โคนหางอยู่ในระดับสูง นิยมตัดหาง
ขน-สี : ขนสั้นแข็ง ขนสีแดงดำทั้งตัว ดำ-แดง,ช็อคโกแลต-แ
ขนาด : เป็นสุนัขที่มีขนาดเล็ก
ส่วนสูง : ประมาณ 10-12.5 นิ้ว
การเดิน-วิ่ง : มีลักษณะคล้ายม้าย่อง ยกเท้าสูง มองจากด้านหน้า-หลัง ขาหน้า-หลัง ตรงไม่บิดงอ ขณะเดินคอเชิดหางตั้ง
ข้อบกพร่อง : สีผิดปกติ เตี้ยหรือสูงกว่ามาตรฐาน

มินิเอเจอร์ ชเนาเซอร์

สุนัขสายพันธุ์ มินิเอเจอร์ ชเนาเซอร์ สุนัขที่มีเคราเป็นลักษณะเด่นเฉพาะตัว ผู้ที่กำลังมองหา มินิเอเจอร์ ชเนาเซอร์ มาเลี้ยงแต่ยังไม่แน่ใจว่าสุนัขสายพันธุ์นี้จะเหมาะสมกับตัวคุณหรือไม่
เรา มีคำแนะนำดีๆของ คุณเมธี ลีลาบรรจง จาก M.mambo club ผู้ที่มีประสบการณ์ในการเลี้ยง มินิเอเจอร์ ชเนาเซอร์ มากว่า 10 ปี มาฝากค่ะ


มารู้จัก M.mambo club
M.mambo club เป็นบ้านที่มีประสบการณ์ในการเลี้ยงสุนัขสายพันธุ์ “มินิเอเจอร์ ชเนาเซอร์ ” (Miniature Schnauzer) มากว่า 10 ปี เริ่มจากผมเป็นคนรักสัตว์และชอบเลี้ยงสัตว์มาตั้งแต่ยังเด็ก ก็คงเหมือนกับท่านอื่นๆที่มีสุนัขเป็นเพื่อนมาตลอด ในตอนแรกผมก็เลี้ยงสุนัขมาหลากหลายสายพันธุ์ ทั้งสุนัขพันธุ์ผสม สุนัขพันธุ์แท้ จนผมได้พบมินิเอเจอร์ ชเนาเซอร์ ในภาพยนตร์ต่างประเทศเรื่องหนึ่ง และได้จดจำชื่อของเจ้าตัวที่มีหนวดเอาไว้จากนั้นผมก็เริ่มศึกษาสุนัขสาย พันธุ์นี้อย่างจริงจัง

จนในที่สุด เมื่อสิบสามปีที่ผ่านมาผมก็ได้มินิเอเจอร์ ชเนาเซอร์ ตัวแรกมาเป็นเพื่อน และตั้งชื่อให้ว่า “mambo” ซึ่งกลายมาเป็นชื่อคอกสุนัขของผมมาจนถึงปัจจุบัน ผมได้เรียนรู้และศึกษาจากมินิเอเจอร์ ชเนาเซอร์ที่เลี้ยงอยู่ ทำให้เห็นว่ามิ นิเอเจอร์ ชเนาเซอร์ นั้นเป็นสุนัขที่มีขนาดกำลังดี สามารถเลี้ยงในสถานที่ไม่กว้างขวางได้ และยังเป็นสุนัขที่โดดเด่นด้วยบุคลิกหน้าตาที่มีเสน่ห์ และมีโครงสร้างที่สง่างามไม่แพ้สุนัขพันธุ์ใหญ่ มีท่วงท่าการเดินที่น่าประทับใจ และเป็นสุนัขที่ฉลาด แข็งแรง กล้าหาญ ซื่อสัตย์ อดทน แถมยังสามารถปรับตัวเข้ากับอากาศในบ้านเราได้เป็นอย่างดีอีกด้วย ที่สำคัญมินิเอเจอร์ ชเนาเซอร์ นั้นเป็นสุนัขที่ไม่มีกลิ่นสาบและไม่ผลัดขน แม้แต่ผู้ที่เป็นโรคภูมิก็สามารถเลี้ยงได้

5 ปีที่เราได้ศึกษาอย่างจริงจังในเรื่องการพัฒนาสายพันธุ์ รวมถึงการแต่งขนทั้งแบบประกวด และไม่ประกวด จนในที่สุด เราจึงตัดสินใจนำสุนัขเข้าประกวดเป็นครั้งแรกในปี ค.ศ.2000 จวบจนปัจจุบันสุนัขของ M.mambo club สามารถเก็บคะแนนจนได้เป็น TH.CH. (ไทยแลนด์แชมป์) แล้วกว่าสิบตัว

ตลอดเวลาที่ผ่านมา M.mambo club ได้มุ่งเน้นพัฒนาเพื่อให้ผู้ที่ชื่นชอบสุนัขพันธุ์มินิเอเจอร์ ชเนาเซอร์ ได้ทราบว่ามินิเอเจอร์ ชเนาเซอร์ ที่สวยงามและถูกต้องนั้นเป็นอย่างไร รวมไปถึงไม่ทำให้ผู้ที่ให้ไว้วางใจนำสุนัขจากทางเราไปเลี้ยงผิดหวังเพราะ สุนัขเหล่านั้นได้เติบโตเป็นสุนัขที่สวยงามและสุขภาพแข็งแรง


อุปนิสัยและบุคลิกประจำสายพันธุ์มินิเอเจอร์ ชเนาเซอร์
มิ นิเอเจอร์ ชเนาเซอร์ เป็นสุนัขที่ตื่นตัว กล้าหาญ ฉลาด เชื่อฟังคำสั่ง ฝึกง่าย เป็นมิตร ไม่ก้าวร้าว ชอบและมีความสุขที่จะอยู่ใกล้ชิดเจ้าของ ซนเมื่อยังเล็ก แต่เมื่อโตก็จะนิ่งขึ้น


ลักษณะเด่นของมินิเอเจอร์ ชเนาเซอร์
มิ นิเอเจอร์ ชเนาเซอร์ เป็นสุนัขที่จัดอยู่ในกลุ่มเทอร์เรียร์ จึงเป็นสุนัขที่มีความแข็งแกร่งแม้จะไม่ใช่สุนัขพันธุ์ใหญ่ และมีความคล่องแคล่วว่องไวสูง เป็นสุนัขที่ไม่ดุร้าย สามารถเข้ากับสุนัขได้ทุกสายพันธุ์ ถึงแม้ขนาดไม่ใหญ่แต่ก็เป็นสุนัขเฝ้าบ้านได้ ในต่างประเทศสามารถฝึกให้เป็นสุนัขที่ดมหาสิ่งของได้ แม้กระทั่งการดมหาโรคมะเร็ง


การเลี้ยงดูมินิเอเจอร์ ชเนาเซอร์
การ เลี้ยงดูไม่ได้ยุ่งยากอะไร เพียงแค่ให้อาหารที่มีคุณภาพสูง ก็อาจไม่จำเป็นต้องเพิ่มวิตามินใดๆ และเนื่องจากมินิเอเจอร์ ชเนาเซอร์ เป็นสุนัขอดทนและแข็งแรงจึงไม่ค่อยมีปัญหาอะไรมากนัก สำหรับการดูแลขน ควรแปรงขนอย่างน้อยวันละหนึ่งครั้ง อาบน้ำอาทิตย์ละครั้ง ตัดขนทุกสามถึงสี่เดือน (ในกรณีที่ต้องการประกวดสุนัขต้องดูแลขนด้วยการถอน)
มินิเอเจอร์ ชเนาเซอร์ นั้นจัดเป็นสุนัขน่าเลี้ยงมากที่สุดก็ว่าได้ เพราะเป็นสุนัขที่ไม่ผลัดขน ขนไม่ร่วง และเป็นสุนัขที่ไม่มีกลิ่นสาบ ผู้ที่เป็นภูมิแพ้ก็สามารถเลี้ยงได้


ปัญหาที่พบบ่อยในมินิเอเจอร์ ชเนาเซอร์
ถ้า เป็นมินิเอเจอร์ ชเนาเซอร์ ที่มีสายเลือดที่ถูกต้องและปราศจากโรคทางพันธุกรรมแล้ว ก็มักไม่ค่อยมีปัญหาอะไร แต่ถ้าเป็นสุนัขที่ได้รับการถ่ายทอดทางพันธุกรรมที่ไม่ดี อาจมีปัญหาเรื่องผิวหนัง ปัญหาเกี่ยวกับตา และนิ่ว


สิ่งที่ต้องดูแลเป็นพิเศษสำหรับมินิเอเจอร์ ชเนาเซอร์
สุนัข ทุกๆ สายพันธุ์ในบ้านเรานั้นควรระวังเรื่องยุงเป็นพิเศษ ไม่ควรให้สุนัขนอนในบริเวณที่มียุงชุม ควรจะมีมุ้งลวด เพราะยุงจะทำให้เกิดปัญหาเรื่องหนอนหัวใจ สุนัขไม่ว่าสายพันธุ์อะไรก็จะเจ็บป่วยและมีชีวิตที่ไม่ยืนยาว


กิจกรรมโปรดของมินิเอเจอร์ ชเนาเซอร์
มินิเอเจอร์ ชเนาเซอร์ เป็นสุนัขขนาดเล็กที่กระตือรือร้น ตื่นตัวและชอบมีกิจกรรมไม่ว่าจะเป็นกิจกรรมอะไรที่เราจัดให้


มินิเอเจอร์ ชเนาเซอร์เหมาะกับผู้เลี้ยงที่มีบุคลิกแบบใด
มิ นิเอเจอร์ ชเนาเซอร์ เป็นสุนัขขนาดเล็ก เป็นเทอร์เรียร์ที่พร้อมที่จะตื่นตัวในยามที่เรามีกิจกรรม และพร้อมจะนิ่งเฉยในเวลาปกติ (ในสุนัขเต็มวัย) จึงทำให้เหมาะกับทุกคน ทุกวัย และอาจเข้ากันได้เป็นอย่างดีกับผู้ที่พร้อมจะมีกิจกรรมตลอดเวลา


ความนิยมเลี้ยงมินิเอเจอร์ ชเนาเซอร์ในปัจจุบัน
ปัจจุบันมีผู้เลี้ยงมินิเอเจอร์ ชเนาเซอร์เยอะขึ้น แต่มินิเอเจอร์ ชเนาเซอร์ที่มีคุณภาพที่ดีสวยงามนั้นยังมีน้อยมาก
สิ่งที่ควรคำนึงถึงก่อนที่จะตัดสินใจเป็นเจ้าของมินิเอเจอร์ ชเนาเซอร์


อยากฝากทุกท่านที่กำลังจะตัดสินใจเป็นเจ้าของสุนัขไม่ว่าจะเป็นสายพันธุ์ใดก็ตาม
อันดับแรก ควรจะเลือกสุนัขที่เข้ากับความเป็นอยู่ และนิสัยของเรามากกว่าที่จะหาสุนัขซึ่งเป็นที่นิยม หรือสุนัขที่หน้าตาถูกใจ
เพราะ สุนัขแต่ละสายพันธุ์มีนิสัยแตกต่างกันมาก ยกตัวอย่างเช่น ถ้าท่านเป็นคนนิ่งๆ ไม่ค่อยชอบทำกิจกรรมอะไร แต่อยากได้ แจ็ก รัสเซลล์ เทอร์เรียร์ มาเลี้ยงเพราะเห็นในโฆษณา หรือภาพยนต์แล้วถูกใจ ก็อาจเป็นการตัดสินใจที่ผิดพลาดก็ได้ เพราะ แจ็ก รัสเซลล์ เทอร์เรียร์ นั้นเป็นสุนัขที่มีความตื่นตัวอยู่ตลอดเวลา หรือถ้าท่านชอบสุนัขประเภทหน้าสั้น แต่กลับเป็นผู้ที่ต้องการออกกำลังกายหรือมีกิจกรรมกับสุนัขอยู่ตลอดเวลา ท่านก็อาจกำลังเลือกผิดก็ได้


อันดับสอง เมื่อเราได้สุนัขที่ตรงตามความต้องการของเราและเหมาะกับตัวตนของเราแล้ว เราควรมองเรื่องคุณภาพตามมา คุณภาพของสุนัขนั้นเป็นสิ่งสำคัญอย่างมากถึงมากที่สุด อย่ามองสุนัขเพียงแค่ว่ามีเพ็ดดิกรี เพราะความเข้าใจเรื่องเพ็ดดิกรีในบ้านเรานั้นยังมีน้อยมาก มักเข้าใจว่าสุนัขที่มีเพ็ดดิกรีเป็นสุนัขพันธุ์แท้ และเป็นสุนัขที่ดี แต่ความจริงแล้วเพ็ดดิกรีนั้นจะสำคัญอย่างยิ่งต่อเมื่อเรารู้จักสายเลือดของ สุนัขที่เราต้องการซื้อ เราไม่ควรตัดสินใจสุนัขเพียงราคาหรือสถานที่ใกล้ ไกล

วิธีที่ดีที่สุดในการเลือกคุณภาพของสุนัขคือ ไม่ว่าใกล้ไกลแค่ไหนเราต้องไปดูให้ถึงที่ ทุกที่ เพราะนอกจากจะได้เห็นสุนัขและได้เห็นการเลี้ยงดูของสถานที่นั้นๆ แล้ว ยังได้สอบถามว่าผู้เพาะพันธุ์หรือผู้ขายนั้นมีความรู้และความชำนาญมากน้อย เพียงใด สามารถแก้ปัญหาให้กับสุนัขของเราเมื่อรับไปแล้วหรือไม่ และอย่าตัดสินใจเพียงราคา

จริงอยู่ที่ราคาอาจเป็นปัจจัยสำคัญในการตัดสินใจ แต่โปรดอย่าลืมว่าสุนัขหนึ่งตัวนั้นอายุยืนได้สิบถึงสิบห้าปี ถ้าเราได้สุนัขที่ถูกใจอาจเป็นการซื้อครั้งเดียวจบ แต่ถ้าไม่ถูกใจอาจต้องเสียเงินก้อนต่อๆ ไปตามมา และสุนัขที่ดีนั้นต้องเป็นสุนัขที่ปราศจากโรคทางพันธุกรรม หรือมีโรคทางพันธุกรรมที่น้อยที่สุดเท่าที่เป็นไปได้


ราคาของมินิเอเจอร์ ชเนาเซอร์แบ่งออกเป็นกี่ระดับ
การขายสุนัขนั้นอยู่ที่ความพอใจของผู้ขายและผู้ซื้อมากกว่า สุนัขเป็นสินค้าที่มีชีวิต ดังนั้นถ้าสุนัขเป็นสุนัขที่ดี อาจไม่ได้ตั้งราคาตามตลาดและความนิยมในช่วงเวลานั้นๆ แต่ราคาขึ้นอยู่กับคุณภาพและการเลี้ยงดูมากกว่า อย่างไรก็ดีสุนัขทุกสายพันธุ์ในบ้านเรานั้นมีตั้งแต่ไม่กี่พันบาทจนถึงหลัก แสนบาท



มาตรฐานสายพันธุ์มินิเอเจอร์ ชเนาเซอร์

น้ำหนัก : ประมาณ 14 ปอนด์

ส่วนสูง : 12-14 นิ้ว

ขน : ขนแข็ง มีขน 2 ชั้น

สี : สีดำ, สีดำสลับขาว และสีเกลือพริกไทย

จัดอยู่ในกลุ่ม : Terrier

หัว : ศีรษะเป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า กะโหลกแบนค่อนข้างยาว หนังศีรษะตึงปราศจากรอยย่น

หู : ลักษณะเป็นตัว V นิยมตัดหูและดามให้ตั้ง

ตา : ขนาดเล็ก สีน้ำตาลเข้ม ตาลึก เป็นรูปกลมรี

ปาก : เส้นที่ลากจากสันปากจะขนานกับเส้นที่ลากจากหัวกะโหลก ความยาวของปากมีขนาดใกล้เคียงกับความยาวของกะโหลก มีเคราหนา

จมูก : มีมุมหักเล็กน้อย

ฟัน : สบกันแบบกรรไกร

ลำตัว : เป็นสี่เหลี่ยม ค่อนข้างสั้นและหนา กำยำล่ำสัน เส้นหลังตรงลาดเอียงจากหัวไหล่จรดโคนหาง ส่วนท้ายของลำตัวจะเตี้ยกว่าส่วนหน้าเล็กน้อย

คอ : มีลักษณะโค้ง ประกอบด้วยกล้ามเนื้อ หนังคอตึง

อก : กว้าง ลึกจรดศอก

ขา : ขาหน้าตั้งตรง ขาหลังยาวแข็งแกร่ง ห่างกันพอประมาณ กระดูกใหญ่ ข้อเท้าแข็งแรง เท้าหนามีลักษณะคล้ายเท้าแมว นิ้วเท้าชิด

หาง : โคนหางอยู่ในระดับสูง นิยมตัดหางให้สั้น

ขนและสีขน : หยาบแข็งและหนา เช่นเดียวกับหนวดและเครา สีขนที่นิยมมี 3 สีคือ Salt & Pepper (สีเกลือพริกไทย),Black & Silver (ดำเงิน หรือดำสลับขาว) และ Black (สีดำ) ส่วนสีขาวยังไม่เป็นที่ยอมรับในหลายๆประเทศ

ขนาด : ตั้งแต่ 12 นิ้ว และไม่เกิน 14 นิ้ว

การเดินและวิ่ง : คล่องแคล่ว มั่นคงและสง่างาม มองจากด้านหน้าหรือด้านหลังจะเห็นการเคลื่อนที่ของขา เป็นเส้นตรง

ลักษณะที่ถือว่าบกพร่อง : ขนนุ่มสลวยทั้งตัว หัวลีบเล็ก สีขาวทั้งตัว

นิสัย : คล่องแคล่วว่องไว กล้าหาญ อดทนและเป็นนักสู้ ไม่มีลักษณะบ่งบอกว่าเป็นสุนัขขนาดเล็กเลย เชื่อฟังคำสั่ง เป็นมิตร สามารถปรับตัวเข้ากับสัตว์อื่นๆได้ เช่น แมว กระต่าย นก (แต่ต้องผ่านการฝึกฝน)

เหมาะสม : สำหรับเจ้าของที่ขี้เหงา เพราะสุนัขพันธุ์นี้รักเจ้าของ และไม่ค่อยจะยอมให้คนในครอบครัวห่างสายตาด้วยการมานั่งหรือนอนเฝ้าอยู่ข้าง กาย

ไม่เหมาะสม : สำหรับคนที่ลังเลใจ ตัดสินใจไม่เด็ดขาด เพราะสุนัขพันธุ์นี้เป็นสุนัขที่ปราดเปรียวและชอบทำอะไรรวดเร็ว

ข้อดีของการเลี้ยง : ผู้ที่เป็นภูมิแพ้ก็สามารถเลี้ยงได้ เพราะไม่ผลัดขน และเป็นสุนัขที่ไม่มีกลิ่นสาบ

ข้อเสียของการเลี้ยง : เป็นสุนัขที่หวงแหนเจ้านาย จนบางครั้งดูเกินเหตุไป

ช่วงชีวิต : ประมาณ 14-16 ปี

หาก คุณมีความสนใจ และต้องการ สุนัขสายพันธุ์ มินิเอเจอร์ ชเนาเซอร์ M.mambo club เป็นอีกแห่งหนึ่งที่สามารถให้คำแนะนำกับคุณได้ ด้วยประสบการณ์ที่ผ่านมา M.mambo club ไม่ได้ขายแค่สุนัข และจบไปอย่างเดียว ที่นี่ยังมีการวางแผนเรื่องการผสมพันธุ์ในอนาคต (การจับคู่ฟรี) และสอนทำขนฟรีทั้งแบบประกวด และไม่ประกวด รวมทั้งสนับสนุนและแนะนำการวางแผนเรื่องการประกวด และยังเปิดรับแต่งขนสำหรับผู้ที่สนใจด้วย สามารถขอคำแนะนำเพิ่มเติมและติดต่อที่ คุณเมธี เบอร์โทรศัพท์ 081-9238766 หรือคลิกเข้าไปดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.mmamboclub1.com


ข้อมูลจาก คุณเมธี ลีลาบรรจง M.mambo club

ข้อมูลเพิ่มเติมจากนิตยสาร DOG IN THE BOOK

มอลทีส

สุนัข MALTESE มีถิ่นกำเนิดในประเทศ MALTA (แถบทะเลเมอร์ดิเตอริเนียน) มานานเกือบ 2800 ปีแล้ว นักเขียนหรือนักวาดภาพในสมัยโบราณมักนิยมเขียนเรื่องราวหรือภาพของสุนัข พันธุ์นี้อยู่เนืองๆ และเป็นที่นิยมเลี้ยงของผู้คนสมัยนั้น และจนกษัตริย์อียิปต์โบราณและ QUEEN VICTORIA ด้วย MALTESE เป็นสุนัขที่มีขนมีขาวสะอาดมีสุขภาพดี คล้ายสุนัขใหญ่กลุ่ม SPANIEL ในปี ค.ศ. 1607 มีการซื้อขายพันธุ์ MALTESE ตัวหนึ่งสูงถึง 2000 ดอลล่าร์ หรือประมาณ 50000 บาท

มาตราฐานสายพันธุ์
อุปนิสัย : เป็นเพื่อนที่ดีของมนุษย์ สุภาพ กล้าหาญ ไม่ขลาดกลัว
ศีรษะ : มีความยาวปานกลาง หัวกะโหลกลักษณะกลม
หู : โคนหูอยู่ในระดับต่ำ หูตก บริเวณหูมีขนหนาและยาว
ตา : สีดำ ลักษณะกลม ขอบตาดำ ทำให้ดูตื่นตัวอยู่เสมอ
ดั้งจมูก : มีมุมหักพอประมาณ
ปาก : มีความยาวปานกลาง ขนาดของโคนปากเรียวสู่ปลายจมูกเล็กน้อย
จมูก : สีดำ
ฟัน : ขาว แข็งแรง ขบแบบเสมอหรือขบแบบกรรไกร
ลำตัว : ค่อนข้างสั้น ความยาวของลำตัวมีขนาดใกล้เคียงกับความสูงของลำตัว เส้นหลังตรงขนานกับพื้น
คอ : มีความยาวพอเหมาะ
อก : ค่อนข้างลึก
ขาหน้า : มีกระดูกใหญ่พอเหมาะ ขาหน้าตั้งตรง ขาหน้ามีขนยาวเท้ามีขนาดเล็กค่อนข้างกลม นิยมตัดขนบริเวณเท้าเพื่อไม่ให้รุ่มร่าม
เอว : แข็งแรง เอวกิ่วเล็กน้อย
ขาหลัง : มีกระดูกใหญ่พอเหมาะ ข้อเท้าแข็งแรงทำมุมพอประมาณเท้ามีขนาดเล็ก เท้ากลม นิยมตัดบริเวณเท้า
หาง : ค่อนข้างยาวหางมีขนยาว หางพาดอยู่บนหลัง
ขน-สี : มีขนชั้นเดียว ขนยาวเหยียดตรง ขนฟู ขนไม่ตั้ง บริเวณหัวยาวอาจมัดเป็นจุก หรือหวีปัดลงก็ได้มีสีขาวทั้งตัว
ขนาด : เป็นสุนัขที่มีขนาดเล็ก
น้ำหนัก : ประมาณ 4-6 ปอนด์
การเดิน-วิ่ง : มีความสง่างาม วิ่งเร็ว ขณะวิ่งขาหลังเป็นเส้นตรง ไม่บิดงอ
ข้อบกพร่อง : ขนหยิกงอ เท้าบิด

ฟเร็นช บลูด็อก

ประมาณปี 1860 มีสุนัข Bulldog มากมายในประเทศอังกฤษและสุนัขชนิดนี้ไม่ค่อยนิยมเลี้ยงเท่าไร สุนัขเหล่านี้บางส่วนถูกส่งเข้าไปในประเทศฝรั่งเศส และได้ผสมกับสุนัขพันธุ์ต่างๆในฝรั่งเศส จนในที่สุดเกิดเป็นสุนัขพันธุ์ French Bulldog ขึ้นและสุนัขพันธุ์นี้เป็นที่นิยมเลี้ยงในประเทศฝรั่งเศสโดยเฉพาะสุภาพสตรี

ปี 1880 ปารีส เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่นิยมของชาวอเมริกาผู้มั่งคั่ง และเมื่อมีข่าวสุนัขพันธุ์ใหม่เกิดขึ้น ต่างก็ต้องการอยากจะไปดูด้วยตาตนเอง สิ่งที่พวกเขาได้พบคือสุนัขพันธุ์ French Bulldog สุนัขพันธุ์นี้มาจากอังกฤษ ความจริงอเมริกามีอิทธิพลในการเลือกเพาะพันธุ์นี้ขึ้นมาให้มีลักษณะอย่าง French Bulldog ในปัจจุบันได้รับการยอมรับที่สามารถให้พัฒนาให้มีหัวอย่างมัสตีฟ ขากรรไกรเป็นรูปสี่เหลี่ยม ลำตัวกะทัดรัดและที่สำคัญคือที่ใบหูเหมือนค้างคาวอย่างที่เราเห็นอยู่ทุก วันนี้

French Bulldog เป็นสุนัขพันธุ์เล็กน้ำหนักไม่เกิน 28 ปอนด์ หน้าเหมือน Bulldog ทั่วไป ริมฝีปากหนา จมูกหักสั้นเข้าไปด้านใน นัยน์ตาสดใส ลักษณะพิเศษคือใบหูเหมือนค้างคาว ซึ่งไม่มีสุนัขพันธุ์ใดในโลกนี้เหมือนเขาจะเห่าและขู่บ้าง แต่มีความเป็นมิตรชอบทำตัวเป็นเจ้าของบ้านมากกว่าเป็นผู้อารักขา พร้อมที่เป็นมิตรกับคนแปลกหน้าเสมอไม่ว่าจะเป็นคนแก่ เด็ก แมว และสัตว์อื่นๆ มีนิสัยขี้เล่น ร่าเริงรักเด็กขนาดใกล้เคียงกับ Pug และ Boston Terrier

มาตราฐานสายพันธุ์
อุปนิสัย : ฉลาด ร่าเริง ชอบเล่น ตื่นตัวอยู่เสมอ
ศีรษะ : มีขนาดใหญ่คล้ายทรงสี่เหลี่ยมจัตุรัส หัวกะโหลกระหว่างหูค่อนข้างแบน
หน้าผาก : มีลักษณะโค้งเล็กน้อย แก้มมีกล้ามเน้อชัดเจน
หู : มีลักษณะเหมือนหูค้างคาว โคนหูใหญ่ ค่อนข้างยาว ปลายหูกลม โคนหูอยู่ค่อนข้างสูง
ตา : มีสีเข้ม ขนาดปานกลาง ตาค่อนข้างกลม ตาค่อนข้างห่างจากหู ตาไม่ลึกหรือโปน
ดั้งจมูก : มีมุมหักชัดเจนทำให้มีหลุมลึก
ปาก : มีลักษณะกว้างและลึก มุมปากเหนียงและค่อนข้างหนา กรามแข็งแรงขณะหุบปากไม่เห็นฟันยื่นออกมา
จมูก : มีลักษณะสั้น รูจมูกกว้าง จมูกมีสีดำ หรือสีจาง ขึ้นอยู่กับสีของขน
ฟัน : แข็งแรง ขบแบบ UNDERSHOT
ลำตัว : มีลักษณะสั้นกลม เส้นหลังโค้ง บริเวณหัวไหล่ค่อนข้างกว้างบริเวณเอวเล็ก
คอ : มีลักษณะกลมหนา หนังคอบริเวณลูกกระเดือก ค่อนข้างย่น
อก : กว้างและลึก
ขาหน้า : มีกระดูกใหญ่ ขาหน้าค่อนข้าสั้น ขาหน้าประกอบด้วยกล้ามเนื้อขา ขาหน้าตั้งตรงขาหน้าทั้งสองห่างกันพอสมควร เท้าหน้าขนาดพอเหมาะนิ้วเท้าชิด
ขาหลัง : ประกอบด้วยกล้ามเนื้อขาหลังตรง ห่างกันพอประมาณข้อเท้าหลังอยู่ในระดับต่ำ เท้าหลังมีขนาดพอเหมาะนิ้วเท้าชิด เท้าหลังใหญ่กว่าเท้าหน้าเล็กน้อย
หาง : โคนอยู่ในระดับต่ำ หางตรงหรือเป็นเกลียวได้ หางค่อนข้างสั้น
ขน-สี : ขนสั้นนุ่ม ขนมีหลายสี เช่น น้ำตาล ขาว น้ำตาลขาว หนังค่อนข้างย่น
น้ำหนัก : ชนิดเล็กมีน้ำหนักน้อยกว่า 22 ปอนด์ ชนิดใหญ่มีน้ำหนักประมาณ 22-28 ปอนด์
ข้อบกพร่อง : หูไม่เหมือนค้างคาว สีดำ-ขาว สีดำ-น้ำตาล ตามีสีไม่เหมือนกัน น้ำหนักเกิน 22 ปอนด์